หนึ่งปีหลังจากที่เมลานีย์ พี่สาวของเธอ หายตัวไปอย่างลึกลับ โคลเวอร์และเพื่อนๆ ของเธอ ที่ต้องการค้นหาคำตอบ ได้มุ่งหน้าเข้าไปยังหุบเขารกร้าง ที่ซึ่งเธอหายตัวไป หลังจากที่สำรวจศูนย์บริการนักท่องเที่ยวที่ถูกทิ้งร้าง พวกเขาพบว่าตัวเองถูกตามล่าโดยฆาตกรสวมหน้ากากและถูกฆ่าตายทีละคนๆ อย่างน่าสยดสยอง…เพียงเพื่อจะตื่นมาพบว่าตัวเองย้อนกลับมาสู่จุดเริ่มต้นของค่ำคืนเดิม เมื่อติดอยู่ในหุบเขาแห่งนั้น พวกเขาก็ถูกบีบให้ต้องใช้เวลาของค่ำคืนเดิมซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า เพียงแต่ในแต่ละครั้ง ภัยคุกคามจากฆาตกรจะแตกต่างออกไป และน่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่าครั้งก่อน ความหวังของพวกเขาเริ่มลดน้อยถอยลงไป พวกเขาตระหนักได้ว่าพวกเขาเหลือจำนวนครั้งที่สามารถตายได้จำกัด และทางเดียวที่จะหนีออกไปได้คือพวกเขาจะต้องมีชีวิตให้รอดจนกว่าจะถึงรุ่งสางให้ได้
สกรีน เจมส์ ภูมิใจเสนอ ผลงานสร้างโดยเพลย์สเตชัน โปรดักชันส์ / แมนกาต้า / เวอร์ติโก้ เอนเตอร์เทนเมนต์ / คอยน์ โอเปอเรทเท็ด ภาพยนตร์โดยเดวิด เอฟ. แซนด์เบิร์ก UNTIL DAWN บทภาพยนตร์โดยแกรี โดเบอร์แมนและแบลร์ บัทเลอร์ และเรื่องราวภาพยนตร์โดยแบลร์ บัทเลอร์และแกรี โดเบอร์แมน เค้าโครงจากเกมจากเพลย์สเตชัน สตูดิโอส์ ภาพยนตร์เรื่องนี้อำนวยการสร้างโดยอาซาด คิซิลบาช, คาร์เตอร์ สวอน, เดวิด เอฟ. แซนด์เบิร์ก, ล็อตต้า ลอสเทน, รอย ลี, แกรี โดเบอร์แมนและไมอา มานิสคัลโก้ UNTIL DAWN กำกับโดยเดวิด เอฟ. แซนด์เบิร์ก
UNTIL DAWN เรื่องราวสุดระทึกและจดหมายรักแด่ภาพยนตร์แนวสยองขวัญ เป็นผลงานจากผู้กำกับ/ผู้อำนวยการสร้าง เดวิด เอฟ. แซนด์เบิร์กและผู้อำนวยการสร้าง/มือเขียนบท แกรี โดเบอร์แมน (ผู้ร่วมเขียนบทกับแบลร์ บัทเลอร์) โดยทั้งสองเคยมีประวัติผลงานที่ยอดเยี่ยมในแนวทางนี้มาแล้ว หลังจากที่เคยทำงานใน Annabelle: Creation, Lights Out และ The Nun ทั้งแยกกันและร่วมกัน ความรักที่พวกเขามีต่อทุกสิ่งที่สยดสยองได้รับการสร้างให้เป็นความจริงใน UNTIL DAWN ภายในกรอบเรื่องการวนลูปของเวลาในเรื่อง ที่ในแต่ละคืน ตัวละครจะถูกขังอยู่ในสิ่งที่ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นภาพยนตร์สยองขวัญต่างเรื่อง ทีมผู้สร้างได้สร้างส่วนผสมที่น่าสยดสยองของสไตล์ต่างๆ ซึ่งนำไปสู่ประสบการณ์แปลกใหม่สำหรับผู้ชมภาพยนตร์
นอกจากนี้ โครงสร้างการวนลูปของเวลายังช่วยสร้างความลึกลับแบบเหนือธรรมชาติที่คาดเดาไม่ได้และเป็นตัวขับเคลื่อนเรื่องราว ซึ่งตัวละครจะต้องคลายปมให้ได้เพื่อฝ่าฟัน และหลีกเลี่ยงการกลายเป็นส่วนหนึ่งของค่ำคืนนั้น พวกเขาจะต้องทบทวนการตัดสินใจของพวกเขาอย่างต่อเนื่องและสำรวจทางเลือกต่างๆ พร้อมไปกับการทำความเข้าใจถึงความย้อนแย้งที่น่าตกตะลึง ที่พวกเขาจะรอดชีวิตได้ก็ต่อเมื่อพวกเขาต้องตายก่อนเท่านั้น
“ทุกคืน เรื่องราวจะเริ่มต้นใหม่ และนำเราเข้าสู่หนังสยองขวัญเรื่องใหม่” แซนด์เบิร์กขยายความ “ในฐานะแฟนหนังสยองขวัญมาทั้งชีวิต การได้ทำงานกับหนังแนวย่อยพวกนี้ทั้งหมดเป็นฝันที่เป็นจริงครับ ทุกคืน ตัวละครจะได้เจอในสิ่งที่ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นบทใหม่ในเรื่องราวที่แตกต่างออกไป”
“ก่อนที่จะได้รู้เกี่ยวกับ UNTIL DAWN ผมเฝ้านึกว่าโปรเจ็กต์ที่เพอร์เฟ็กต์จะเป็นยังไง” เขากล่าวต่อ “มันจะเป็นหนังเชือดสยอง หรือเรื่องราวเหนือธรรมชาติ หรืออาจจะเป็นหนังสัตว์ประหลาด ซึ่ง UNTIL DAWN มีครบทุกอย่าง มันเป็นหนังสยองขวัญหลายเรื่องในเรื่องเดียว ซึ่งทำให้ผมตกหลุมรักมัน เราได้เล่นกับสารพัดเครื่องมือของหนังสยองขวัญ คุณไม่มีทางรู้หรอกว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไปในเรื่องราวของเรา เพราะมันเปลี่ยนแปลงไปทุกคืนเลยครับ”
การร้อยเรียงลักษณะต่างๆ ของความสยองขวัญเข้าไป “ทำให้เราสามารถสนุกสนานกับการฆ่าตัวละครของเราได้ครับ” โดเบอร์แมนกล่าวยิ้มๆ “มันเป็นทั้งความท้าทายและความสนุกสนานอย่างยิ่งยวดเพราะเรามีอิสระที่จะพูดว่า ‘ช่าย ช่างแม่- ฆ่าเขาดีกว่า’ น่ะครับ”
UNTIL DAWN เป็นส่วนต่อขยายของเกมยอดนิยมชื่อเดียวกันโดยเพลย์สเตชัน สตูดิโอส์ ในฐานะแฟนของเกมนี้ แซนด์เบิร์กและโดเบอร์แมนมองเห็นโอกาสในการต่อยอดโลกใบนั้นและเปลี่ยน UNTIL DAWN ให้กลายเป็นประสบการณ์ภาพยนตร์ ภาพยนตร์เรื่องนี้แนะนำเรื่องราวและตัวละครใหม่ๆ ที่ถูกคิดขึ้นมาเพื่อตอบสนองต่อคอหนังสยองขวัญในวงที่กว้างขึ้น พร้อมไปกับการแสดงความเคารพต่อสิ่งที่ทำให้เกมนี้เป็นที่น่าจดจำเหลือเกิน
ผู้อำนวยการสร้างอาซาด คิซิลแบช ผู้ดำรงตำแหน่งรองประธานอาวุโสฝ่ายสื่อสิ่งพิมพ์ จากสตูดิโอ บิซิเนส กรุ๊ปและหัวหน้าเพลย์สเตชัน โปรดักชันส์ จากโซนี อินเตอร์แอ็กทีฟ เอนเตอร์เทนเมนต์ กล่าวว่าเขาประทับใจอย่างยิ่งกับแนวทางที่ทีมผู้สร้างได้ขยายโลกที่ถูกจินตนาการขึ้นมาโดยบรรดาทีมงานที่เพลย์สเตชันออกไปพร้อมกับแสดงความเคารพต่องานที่เคยทำมาไปด้วย “เพลย์สเตชัน โปรดักชันส์ทำหน้าที่เป็นตัวกลางให้ผู้สร้างสรรค์ระดับแนวหน้าแปรเปลี่ยนความรักที่มีต่อเกมของพวกเขาให้กลายเป็นเรื่องราวน่าติดตามในสื่อต่างๆ ด้วยความที่พวกเขาเองก็เป็นคอเกมเองอยู่แล้วด้วย เดวิด, แกรี ทีมงานและนักแสดงทุกคนต่างก็ได้ทำงานอย่างใกล้ชิดร่วมกับทีมงานของเราที่เพลย์สเตชัน โปรดักชันส์เพื่อทำให้แน่ใจว่าหนังเรื่องนี้จะถ่ายทอดสิ่งที่แฟนๆ รักที่สุดเกี่ยวกับโลก Until Dawn และแม้ว่าคุณจะไม่จำเป็นต้องเล่นเกมนี้ถึงจะเพลิดเพลินกับจุดหักมุมในหนังเรื่องนี้ได้ แต่แฟนๆ ก็มีโอกาสดีๆ ที่จะได้เห็นอะไรเจ๋งๆ ที่อ้างอิงไปถึงเรื่องราวดั้งเดิมด้วยเหมือนกันครับ”
การวนลูปเวลา
ในระหว่างที่ตัวละครใช้เวลาในค่ำคืนนั้นซ้ำแล้ว ซ้ำอีก ซึ่งแต่ละครั้งก็ต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายที่สยดสยองแตกต่างกันไป พวกเขาก็ไม่ได้ผ่านมันมาได้แบบไร้ริ้วรอย มีกฎที่เข้มงวดในการวนลูปเวลาที่ลึกลับและอันตรายของเรื่อง ซึ่งมันไม่ได้เรียบง่ายเพียงแค่ต้องใช้เวลาวันเดิมซ้ำๆ เท่านั้น แต่พวกเขาจะต้องร่วมมือกับแข่งกับเวลาเพื่อมีชีวิตรอดจนถึงรุ่งสางให้ได้ แต่ละคนต่างก็กลัวตาย แต่การใช้ชีวิตโดยไม่มีกันและกันก็ทำให้พวกเขากลัวยิ่งกว่า
ตามที่แซนด์เบิร์กบอกไว้ “พวกเขามีโอกาสไม่มากนักที่จะหลบหนี มันน่าสนใจกว่าการให้พวกตัวละครตายและกลับมาซ้ำๆ เราต้องทำให้มันเป็นเรื่องท้าทายสำหรับพวกเขา เราทำให้พวกเขาเจอเรื่องที่หนักหนาสาหัสจริงๆ แล้วค่อยหาวิธีสร้างสรรค์มาฆ่าพวกเขาทิ้งน่ะครับ”
“ผลลัพธ์เพิ่มทวีคูณขึ้นครับ” เขากล่าวต่อ “และพวกเขาก็มีเวลาจำกัดในการทำให้ตัวเองหลุดพ้นจากเรื่องนี้ได้ด้วยการหาวิธีที่จะร่วมมือกัน ก่อนที่พวกเขาจะต้องตายจริงๆ” ในการนั้น แต่ละครั้งที่ตัวละครกลับมามีชีวิตอีกครั้ง ก็จะมีสิ่งใหม่ๆ ที่พยายามจะฆ่าพวกเขา “พวกเขาไม่รู้เลยว่ามีความสยดสยองอะไรรอพวกเขาอยู่” โดเบอร์แมนกล่าว “มันไม่ใช่ว่า ‘อ๋อ ถ้าเราทำแบบเดียวกับที่เราทำเมื่อคืนนี้ เราก็จะรอดจากสถานการณ์นี้ได้’ มันไม่ได้เป็นแบบนั้นครับ”
ยิ่งไปกว่านั้น ตัวละครแต่ละตัวฟื้นคืนจากความตายด้วยความรู้สึกที่ด้อยลงกว่าเดิม ทั้งทางร่างกายและจิตใจ “พวกเขาค่อยๆ กลายมาเป็นสิ่งที่ทำให้พวกเขาหวาดกลัวมาหลายค่ำคืนครับ” โดเบอร์แมนกล่าวสรุป
ส่วนสำคัญของคอนเซ็ปต์เรื่องการวนลูปเวลาคือนาฬิกาทรายขนาดใหญ่ ซึ่งตั้งไว้อย่างมีเลศนัยบนผนังด้านหนึ่งของ “ศูนย์ต้อนรับนักท่องเที่ยว” ที่กลุ่มเพื่อนๆ ถูกขังเอาไว้ นาฬิกาทรายนี้เป็นตัวแทนของการแข่งกับเวลาของพวกเขาและเป็นเครื่องที่ย้ำเตือนให้รำลึกถึงสถานการณ์ยากลำบากที่น่าสยดสยองของพวกเขา กลไกที่ซับซ้อนได้เริ่มต้นการทำงานของนาฬิกาทรายใหม่ด้วยการพลิกด้านมัน 180 องศาในตอนรุ่งสาง เมื่อมันนับเวลาถอยหลังก่อนที่พวกเขาจะพบกับชะตากรรมที่น่ากลัวเกินจะเอ่ย “นาฬิกาทรายเป็นหนึ่งในส่วนสำคัญของหนังเรื่องนี้ค่ะ” ผู้อำนวยการสร้างล็อตตา ลอสเทนกล่าวอ้าง “มันให้ความรู้สึกลี้ลับ ทุกครั้งที่เราตัดภาพไปที่มัน คุณก็จะรู้ว่าอะไรบางอย่างที่เลวร้ายกำลังจะเกิดขึ้น แต่ในขณะเดียวกัน มันก็สวยมากๆ ด้วยค่ะ”
สู่ยามค่ำคืน
การเดินทางแห่งหายนะนี้เริ่มต้นขึ้นในตอนที่เพื่อนห้าคนออกเดินทางเพื่อตามหาพี่สาวที่หายตัวไปของโคลเวอร์ (เอลลา รูบิน) ผู้หายตัวไปอย่างกะทันหันและลึกลับ เมลานีย์ (ไมอา มิทเชล) ผู้เป็นพี่สาว ได้ส่งคลิปวิดีโอทางมือถือให้กับโคลเวอร์ ซึ่งบันทึกภาพด้านนอกปั๊มน้ำมัน ที่ดูเหมือนจะอยู่ในที่ที่ห่างไกลผู้คน ดังนั้น นั่นจึงเป็นจุดหมายของพวกเขา ผู้ที่ร่วมเดินทางไปกับโคลเวอร์ด้วยคือแม็กซ์ (ไมเคิล ซิมิโน), เมแกน (จี-ยัง ยู), เอ๊บ (เบลมอนท์ คาเมลี) และนีนา (โอเดสซา อา’ ซีออน) นอกจากนี้ เรายังได้พบกับเมลานีย์ผ่านทางแฟลชแบ็คและคลิปวิดีโอสำคัญนั้นด้วย
ลอสเทนกล่าวว่า เพื่อนๆ ของโคลเวอร์ได้ร่วมเดินทางไปกับเธอ ไม่ใช่ด้วยความหวังที่จะเจอหญิงสาวที่หายตัวไปหรอก แต่เพื่อเป็นกำลังใจให้โคลเวอร์ในการรับมือกับการสูญเสียให้ได้ “พวกเขาคิดว่าเมลานีย์ไม่น่าจะมีชีวิตอยู่แล้วล่ะค่ะ แต่พวกเขาก็อยากให้โคลเวอร์คนเดิม ที่เป็นคนร่าเริง กลับคืนมา บางที การเดินทางครั้งนี้อาจจะทำให้โคลเวอร์ยอมรับได้แล้วว่าพี่สาวของเธอจากไปแล้วน่ะค่ะ”
ทีมผู้สร้างต้องการทีมนักแสดงที่จะสามารถถ่ายทอดความสัมพันธ์ที่เปลี่ยนแปลงไปของพวกเขา ในตอนที่สมาชิกแต่ละคนได้เผชิญหน้ากับอุปสรรคที่แตกต่างและไม่อาจจินตนาการได้ขณะที่พวกเขาเร่งรีบไขปริศนา “หนังเรื่องนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับการเลือกครับ” โดเบอร์แมนตั้งข้อสังเกต “การตัดสินใจแต่ละครั้งของพวกเขาส่งผลต่อชะตากรรมของอีกคน และส่งแรงกระเพื่อมตลอดทั้งการดำเนินเรื่องครับ”
อย่างเช่นเอลลา รูบิน ในบทโคลเวอร์ ผู้ที่ติดกับดักหมี เนื้อตัวเธอเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด ถูกลากไปกับพื้นและ…แมลงวัน “เอลลา ก็เหมือนกับนักแสดงคนอื่นๆ ที่ต้องทุ่มเทสุดตัว” ลอสเทนกล่าว “ในตอนที่คุณต้องตายซ้ำๆ แน่นอนว่าภาพมันไม่สวยแน่ เอลลามีแนวทางที่เป็นธรรมชาติและมหัศจรรย์ในการถ่ายทอดความสยดสยองของโคลเวอร์ออกมาค่ะ” โดเบอร์แมนกล่าวเสริมว่า “โคลเวอร์เป็นแกนสำคัญของหนังเรื่องนี้ เธอเป็นเหตุผลที่เพื่อนๆ มารวมตัวกันและร่วมการเดินทางครั้งนี้ พวกเขารวมตัวกันรอบๆ โคลเวอร์และอยากให้เธอทำใจได้กับการหายตัวไปของพี่สาวเธอ ด้วยความหวังว่าจะได้ตัวเพื่อนของพวกเขากลับมา” สำหรับรูบิน ความท้าทายด้านกายภาพมากมายของโคลเวอร์เป็นเสน่ห์ส่วนหนึ่งของโปรเจ็กต์นี้ “UNTIL DAWN ทำให้ฉันมีโอกาสได้ผลักตัวเองไปข้างหน้า แทนที่จะยั้งมือ นั่นเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นและน่าลิ้มลองจริงๆ มันไม่มีทางที่จะยั้งมือได้เลยในตอนที่ตัวละครของคุณอยู่ในสถานการณ์เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายตลอดเวลา และคุณถูกอสุรกายถือขวานไล่ล่าอยู่น่ะค่ะ!”
แซนด์เบิร์กตั้งข้อสังเกตว่า ไมเคิล ซิมิโน ในบท แม็กซ์ แฟนเก่าของโคลเวอร์ ได้อ่านบทเพื่อทดสอบเคมีกับรูบิน ซึ่งบอกให้ทุกคนรู้ว่า ตัวละครทั้งสอง “เหมาะสมกันราวกิ่งทองใบหยก เช่นเดียวกับนักแสดงคนอื่นๆ ไมเคิลมักจะทำสิ่งต่างๆ แบบ 200 เปอร์เซ็นต์ บางครั้ง เราต้องเตือนให้เขายั้งมือไว้บ้าง เหมือนตอนที่แกว่งมีด เพราะมันเร็วเกินกว่ากล้องจะจับภาพได้น่ะครับ” นอกเหนือจากการรับมือกับการเคลื่อนไหวทางกายของบทนี้แล้ว ซิมิโนยังชื่นชมปฏิสัมพันธ์ที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาของคนกลุ่มนี้ด้วย “ผมชอบที่ตัวละครทุกตัว หลังจากแต่ละคืน เปลี่ยนแปลงไปนิดๆ และเผยความเป็นตัวเองออกมามากขึ้น ทุกตัวละครกำลังอยู่บนเส้นทางของการค้นพบตัวเองที่ต้องยอมรับว่าค่อนข้างจะน่ากลัวน่ะครับ”
จี-ยัง ยู ในบทเมแกน สร้างความประทับใจให้กับลอสเทน ด้วยเทปออดิชันที่ผู้อำนวยการพูดถึงว่าเป็น “เทปที่ทารุณตัวเองที่สุดเท่าที่ฉันเคยเห็น กับบททั้งหมดนี้ เราต้องการคนที่จะเต็มที่กับมัน ที่จะไม่เขินอายกับการแสดงความเป็นคนมากมายในตัวของเธอเอง” โดยอ้างถึงซีเควนซ์ที่เมแกน ที่เป็นคนทรง ถูกสิงด้วยวิญญาณหลงทางมากมาย ที่หายตัวไปในช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา “มันน่าทึ่งที่ได้เห็นจี-ยังเปลี่ยนบุคลิกและอารมณ์ไปมากมายน่ะครับ” แซนด์เบิร์กกล่าวเห็นด้วย “เสียงกรีดร้องของเธอสมจริงมากและเต็มไปด้วยความสยดสยองครับ” เมแกนเป็นผู้มีความศรัทธาอย่างแรงกล้าในเรื่องเหนือธรรมชาติ เธอคิดว่าการเดินทางครั้งนี้จะช่วยให้พวกเขาเจอกับพลังงานบางอย่างจากเมลานีย์ที่หายตัวไปได้ นั่นจะช่วยให้พวกเขาทุกคนปิดฉากเรื่องราวบทนี้ในชีวิตของพวกเขาได้น่ะครับ”
ไมอา มิทเชล ในบทเมลานีย์ พูดถึงประสบการณ์ของเธอใน UNTIL DAWN ว่า “ให้ความรู้สึกอิสรเสรี เพราะมันมีแต่ฝุ่นผง เลือด การต้องคลานผ่านโคลนและการร้องกรี๊ด เราไม่มีเวลาต้องมากังวลถึงเรื่องที่ว่า ‘เอ๊ะ ตอนนี้ฉันดูเป็นยังไงบ้างแล้ว’ เลยค่ะ มันสนุกมาก”
นักแสดงสาว โอเดสซา อา’ ซีออน พูดถึง นีนา ตัวละครของเธอว่า เป็นเหมือน “แม่สาวแสบประจำกลุ่ม ผู้ดูเหมือนจะไม่แยแสนักเกี่ยวกับสถานการณ์เลวร้ายของพวกเขา เธอมีประสบการณ์ชีวิตมากกว่าคนอื่นๆ และมีแฟนหนุ่มน่ารำคาญ ที่สนใจแต่จะช่วยตัวเองน่ะค่ะ”
ตัวละครแฟนหนุ่มที่อา’ ซีออนพูดถึงคือ เอ๊บ ผู้ที่เป็นเหมือนแกะดำในกลุ่มของเพื่อนที่สนิทสนมกลมเกลียวกัน การที่เขาเข้าร่วมการเดินทางครั้งนี้ก็เพียงเพราะว่าเขากำลังออกเดทกับนีนาอยู่ แซนด์เบิร์กกล่าวว่า ในบางแง่มุม “เอ๊บก็เป็นตัวละครที่มีเหตุผลในแบบที่คุณไม่ค่อยจะได้เห็นในหนังสยองขวัญ เขาจะพูดทำนองว่า ‘ไม่ ฟังนะ อย่าเข้าไปในนั้นเลย’ แต่เขาก็เป็นคนที่งี่เง่านิดหน่อยด้วยครับ”
ดร.ฮิล
เส้นทางเข้าสู่โลกใบนี้ของเพื่อนกลุ่มนี้เกิดขึ้นได้โดยบุคคลลึกลับ ที่ปรากฏตัวอยู่ด้านหลังเมลานีย์ที่ปั๊มน้ำมันในคลิปวิดีโอสุดท้ายของเธอ ผู้ให้ข้อมูลบางอย่างกับพวกเขาเกี่ยวกับจุดหมายปลายทางที่พวกเขาจะไป ซึ่งก็คือหุบเขากลอร์ที่…”อยู่สุดถนน และติดอยู่ในห้วงกาลเวลา ที่ที่คนเจอกับปัญหา” บุคคลนี้ แสดงโดยนักแสดงสวีดิชชื่อดัง ปีเตอร์ สตอร์แมร์ ผู้ซึ่งผลงานมากมายรวมถึง John Wick Chapter 2, Minority Report, Armageddon และ The Lost World: Jurassic Park รวมไปถึงเกม “Until Dawn” ด้วย สตอร์แมร์เผยเพียงว่าตัวละครตัวนี้เป็นปริศนา “ตอนแรก เราไม่รู้เลยว่าเขาเป็นใครหรืออะไร” เขากล่าวขยายความ ฮิลเรียกตัวเองว่าเป็นเจ้าหน้าที่ผู้รักษากฎหมาย นักบำบัด ศัลยแพทย์ และ ฯลฯ ผู้ชมจะต้องค้นหาคำตอบเอาเอง ลอสเทนเรียกตัวละครตัวนี้ว่าเป็น “นักเชิดหุ่น” แห่งโลกใบนี้
เกี่ยวกับงานสร้าง…เลือดตกยางออก
เมื่อได้กลับมาร่วมงานกันอีกครั้งหลังจากภาพยนตร์สยองขวัญยอดนิยมอย่าง Annabelle: Creation แซนด์เบิร์กและแกรี โดเบอร์แมน ก็ได้เริ่มต้นเตรียมงานสร้างสำหรับ UNTIL DAWN ด้วยการรวมทีมงานเบื้องหลังหลักจากภาพยนตร์เรื่องก่อนหน้านี้ของแซนด์เบิร์ก (Annabelle: Creation และ Lights Out) และจากจักรวาลของ The Conjuring ซึ่งโดเบอร์แมนเป็นหนึ่งในทีมงานสร้างคนสำคัญ ผู้ออกแบบงานสร้างเจนนิเฟอร์ สเปนซ์, ผู้กำกับภาพแม็กซิม อเล็กซานเดร, นักวาดภาพสัตว์ประหลาดและเอฟเฟ็กต์ชิ้นส่วนเทียม สตีฟ นิวเบิร์นและมือลำดับภาพมิเชล อัลเลอร์ ได้เข้ามาร่วมงานกับทั้งคู่ในการสร้างวิสัยทัศน์ที่โดดเด่นของพวกเขาให้กลายเป็นจริงสำหรับภาพยนตร์สยองสุดระทึกเรื่องนี้
การดิ้นรนตามหาเมลานีย์และการเร่งรุดแข่งกับเวลาสุดสยองของโคลเวอร์และเพื่อนๆ ของเธอเริ่มต้นขึ้นที่ศูนย์ต้อนรับนักท่องเที่ยวที่ลึกลับของหุบเขากลอร์ ก่อนที่จะลากพวกเขาลงไปในก้นเบื้องลึกของเหมืองที่ถล่มลงและซากตึกแบบชานเมืองที่อยู่ด้านล่าง ระหว่างที่ตัวละครได้เปลี่ยนแปลงไปหลังจากที่ฟื้นจากการตายในแต่ละค่ำคืน สภาพแวดล้อมทางกายภาพของพวกเขาก็เปลี่ยนแปลงไปในการเริ่มต้นใหม่แต่ละครั้งในแนวทางที่สอดคล้องกันนด้วย การกระโดดข้ามเวลา การย้อนกลับและเดินหน้าในการดำเนินเรื่องทำให้ต้องมีการวางแผนอย่างรอบคอบและมีการควบคุมด้านโลจิสติกจากทุกแผนก หนึ่งในกฎด้านงานสร้างของแซนด์เบิร์กคือต้องบันทึกภาพเอฟเฟ็กต์ด้วยกล้องจริงในทุกเมื่อที่เป็นไปได้ ซึ่งอเล็กซานเดรก็ตอบรับเป็นอย่างดีแม้ว่านั่นจะนำมาซึ่งความซับซ้อนก็ตามที “ในตอนที่เราสำรวจร่างกายที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดของตัวละคร เราก็ทำมันขึ้นมาจริงๆ ครับ” เขาเล่า “ตอนที่เราเฉือนคอ เราก็ทำมันด้วยเอฟเฟ็กต์จริงๆ” สำหรับการสังหารโหดแต่ละครั้ง ตัวละครหลักจะเสื่อมสภาพลงทีละน้อยๆ และเปลี่ยนกลายเป็นตัวเองในเวอร์ชันที่มีความเป็นมนุษย์น้อยลง และมีความเป็นอสุรกายมากขึ้น ผู้ออกแบบทรงผมและช่างแต่งหน้า ทัลลี แพชเชอร์และนักวาดภาพเอฟเฟ็กต์ชิ้นส่วนเทียม สตีฟ นิวเบิร์นได้ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดและได้ร่วมงานกับนักแสดงในการเปลี่ยนแปลงขั้นตอนต่างๆ และคิดภาพคอนเซ็ปต์ของระดับการเสื่อมสลายสำหรับตัวละครแต่ละตัวระหว่างการเดินทางที่น่าสะพรึงกลัวในหลายค่ำคืนนี้
ในช่วงเตรียมงานสร้าง ได้มีการหล่อซิลิโคนจำลองร่างแบบเต็มตัวของนักแสดงหลักทั้งห้าคนขึ้นมาที่แอ็พพลายด์ อาร์ตส์ เอฟเอ็กซ์ สตูดิโอของนิวเบิร์นในโตรอนโต เพื่อรองรับสิ่งผิดธรรมชาติและแปดเปื้อนที่เกิดขึ้นกับร่างกายของพวกเขา นอกจากนี้ นิวเบิร์กยังได้ผลิตชิ้นส่วนเทียมสำหรับฆาตกรโรคจิตสวมหน้ากาก แม่มดและอสุรกายอื่นๆ ซึ่งตามไล่ล่าและสังหารตัวละคร…คืนแล้ว คืนเล่า
นิวเบิร์นกล่าวว่า ไซโค คนร้ายถือขวาน ที่รับบทโดยสตันท์แมนร่างยักษ์ ทีบอร์ ซาวเวอร์ไวน์ “มีชิ้นส่วนใบหน้าหายไปและฟันของเขาก็เผยออกมา แต่คุณแทบจะมองไม่เห็นส่วนต่างๆ ของใบหน้าเขาเลยเพราะเขาสวมหน้ากากเซรามิคน่ะครับ”
กระบวนการสำหรับแม่มดเกี่ยวข้องกับชิ้นส่วนเทียมที่ทำให้อายุมากขึ้น สำหรับอสุรกายอีกหลุ่มหนึ่ง จำเป็นต้องใช้ชิ้นส่วนเทียมแบบเต็มรูปแบบ ตั้งแต่ชุดโฟมลาเท็กซ์เต็มตัวไปจนถึงส่วนหัวที่ติดกาวและฟันปลอม
โคลเวอร์, แม็กซ์, เมแกน, เอ๊บและนีนาสวมชุดเดิมตลอดการผจญภัยในนรกของพวกเขาหลายค่ำคืน และผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย จูเลีย แพ็ทคอสก็ยอมรับว่า “มันค่อนข้างน่าสนใจและยากทีเดียวเมื่อคุณมีแค่ชุดเดียวที่จะบ่งบอกถึงความเป็นตัวละครตัวนั้นน่ะค่ะ” ด้วยความที่แต่ละค่ำคืนต้องเริ่มต้นใหม่ แต่ก็มีการเปลี่ยนแปลงลุคสำคัญๆ เหล่านี้ไปเล็กน้อย แพ็ทคอสต้องสร้างหลายๆ แบบของแต่ละองค์ประกอบขึ้นมา เพื่อที่พวกมันจะได้มีระดับความเสื่อมสภาพที่เหมาะสม แต่ก็ไม่ใช่ความเสียหายอย่างโจ่งแจ้งที่แสดงออกว่าเกิดจากการถูกฆ่าเมื่อคืนที่ผ่านมา “เราลงเอยด้วยการมีชุดเดียวกันสิบถึงยี่สิบเวอร์ชัน ซึ่งเป็นเรื่องท้าทาย เพราะมันเป็นรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ซึ่งจากมุมมองของผู้ชมแล้วแทบมองไม่เห็นเลยค่ะ” เธออธิบาย
นอกจากนี้ เฟชยังมีบทบาทสำคัญในการนำนักเต้นมากพรสวรรค์ชาวฮังกาเรียน โซเฟีย เทเมสวารีและอดัม บ็อทมาร่วมงานเพื่อรับบทเวนดิโก้ตัวหลักที่เป็นเพศหญิงและชายด้วย เวนดิโก้ตัวอื่นๆ แสดงโดยนักแสดงสตันท์ ผู้ซึ่งแบ็คกราวน์ด้านปาร์กูร์ทำให้พวกเขาทำในสิ่งที่แทบจะผิดธรรมชาติได้ในตอนที่พวกเขาปีนป่ายผนังและกระโดดข้ามอุปสรรคต่างๆ หลังจากจู่ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นมา
ระหว่างที่ทำงานในขั้นตอนโพสต์โปรดักชันใน UNTIL DAWN ทีมผู้สร้างหวนนึกถึงความรักที่พวกเขามีต่อภาพยนตร์สยองขวัญ และเหตุผลที่ภาพยนตร์แนวนี้เป็นภาพยนตร์ที่เหมาะต่อการดูด้วยกันในโรงภาพยนตร์
“ผมคิดว่าหนังสยองขวัญเวิร์คมากขึ้นในตอนที่คุณได้ดูมันในฐานะส่วนหนึ่งของผู้ชมในโรงหนังน่ะครับ” โดเบอร์แมนกล่าว “ผมรักประสบการณ์ร่วมกัน เสียงกรี๊ด การสะดุ้ง เสียงอุทาน หรือแม้แต่การพูดโต้ตอบกลับไปที่หน้าจอน่ะครับ” แซนด์เบิร์กเห็นพ้องด้วย “ผมคิดว่าเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ผมเป็นแฟนพันธุ์แท้ของหนังสยองขวัญคือพวกมันก่อให้เกิดประสบการณ์ในโรงหนังที่ดีที่สุด ที่ซึ่งเมื่อเราอยู่รวมกันแล้ว เราจะรู้สึกได้ถึงความตึงเครียดร่วมกัน และได้ยินเสียงกันและกันร้องกรี๊ดออกมาน่ะครับ”
ประวัติทีมผู้สร้าง Until Dawn
เดวิด เอฟ. แซนด์เบิร์ก (ผู้กำกับ/ผู้อำนวยการสร้าง) เป็นผู้กำกับชื่อดังชาวสวีดิช ผู้ทำงานในลอสแองเจลิส และเป็นที่รู้จักจากพรสวรรค์กว้างขวางของเขาในผลงานหลากหลายแนว Until Dawn เป็นการหวนคืนสู่ภาพยนตร์แนวสยองขวัญอีกครั้งของแซนด์เบิร์กที่หลายคนรอคอย ก่อนหน้านี้ แซนด์เบิร์กเคยกำกับ Annabelle: Creation ซึ่งเป็นภาคที่สี่ของแฟรนไชส์ The Conjuring Universe สำหรับนิวไลน์ ซีเนมา มาแล้ว ภาพยนตร์เรื่องดังกล่าว ซึ่งอำนวยการสร้างโดยเจมส์ วานและปีเตอร์ ซาฟราน ทำรายได้ไปกว่า 306 ล้านเหรียญทั่วโลกและช่วยตอกย้ำถึงสถานะของแซนด์เบิร์กในฐานะหนึ่งในผู้กำกับที่แหวกขนบมากที่สุดในปัจจุบัน
แกรี โดเบอร์แมน (ผู้อำนวยการสร้าง/มือเขียนบท) เป็นหนึ่งในผู้กำกับที่เป็นที่ต้องการตัวสูงสุดในฮอลลีวูดปัจจุบัน ดังจะเห็นได้จากโปรเจ็กต์มากมายของเขา ที่รวมถึงคอนเทนท์ดั้งเดิม แฟรนไชส์ภาพยนตร์และผลงานที่มาจากการดัดแปลงที่โด่งดังทั้งทางจอแก้วและจอเงิน โดเบอร์แมนได้ทำข้อตกลงด้านงานสร้างกับโซนีและสกรีน เจมส์สำหรับบริษัทโปรดักชันคอยน์ โอเพเรทเท็ดของเขา Until Dawn เป็นโปรเจ็กต์แรกที่ได้เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ภายใต้ข้อตกลงนี้ ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์ที่ดัดแปลงจากเกมเพลย์สเตชัน ที่กำกับโดยเดวิด แซนด์เบิร์ก โดยมีโดเบอร์แมนเป็นผู้อำนวยการสร้างและมือเขียนบท หลังจากความสำเร็จในการเขียนบทแฟรนไชส์ It และ Annabelle แล้ว โดเบอร์แมนก็ได้เปิดตัวผลงานการกำกับเรื่องแรกในปี 2019 ด้วย Annabelle Comes Home ที่เขาเขียนบทเองด้วย โดเบอร์แมนได้เข้าร่วมทีมงานเบื้องหลังของ The Conjuring Universe ในตอนที่เขาได้เขียนบทภภาพยนตร์เรื่อง Annabelle ที่สร้างจากตุ๊กตาสยองขวัญที่ปรากฏตัวเป็นครั้งแรกในระยะเวลาสั้นๆ ในภาพยนตร์เรื่อง The Conjuring โดยเจมส์ วาน Annabelle ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ ทำให้มันเป็นหนึ่งในภาพยนตร์ที่ทำกำไรสูงสุดในปี 2014 ไป เขาได้เขียนบทซีเควลเรื่อง Annabelle: Creation และ Annabelle Comes Home นอกจากนี้ เขายังได้เขียนบทสปินออฟที่ทำลายสถิติเรื่อง The Nun ที่วอร์เนอร์ บรอส. นำเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ในปี 2018 ด้วย ซีเควลของภาพยนตร์เรื่องนี้เรื่อง The Nun 2 ซึ่งโดเบอร์แมนทำหน้าที่ผู้อำนวยการสร้าง เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ในปี 2023 และติดอันดับท็อปของบ็อกซ์ออฟฟิศช่วงสุดสัปดาห์ของการเปิดตัว จนถึงปัจจุบัน ภาพยนตร์ในแฟรนไชส์ The Conjuring ทำรายได้รวมกันเกินกว่าสองพันล้านเหรียญในบ็อกซ์ออฟฟิศทั่วโลก
ด้านงานพัฒนา โดเบอร์แมนเป็นมือเขียนบทและผู้อำนวยการสร้างของรีเมกเรื่อง Train to Busan ที่กำลังจะเข้าฉายสำหรับนิวไลน์ ซีเนมา
อาซาด คิซิลบาช (ผู้อำนวยการสร้าง) เป็นหัวหน้าของเพลย์ สเตชัน โปรดักชันส์และหัวหน้าผลิตภัณฑ์สำหรับเพลย์สเตชัน สตูดิโอส์ คิซิลบาช มีบทบาทสำคัญในการก่อตั้งเพลย์สเตชัน โปรดักชันส์ในปี 2018 ความรู้ลึกซึ้งที่คิซิลบาชมีต่อผลิตภัณฑ์ของเพลย์สเตชัน และความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นของเขากับทีมพัฒนาที่เพลย์สเตชัน สตูดิโอส์มีส่วนสำคัญในการนำเกมเพลย์สเตชันมาสู่จอแก้วและจอเงินอย่างมีเอกลักษณ์ในแบบที่ถูกใจชาวเพลย์สเตชันและคนอื่นๆ
ในฐานะหัวหน้าฝ่ายผลิตภัณฑ์ของเพลย์สเตชัน สตูดิโอส์ เขาได้เป็นผู้นำด้านการวางแผนกลยุทธและพอร์ทฟอลิโอสำหรับไลน์อัพเกมเอ็กซ์คลูซีฟของเพลย์สเตชัน โดยคิซิลบาช ผู้เคยทำงานในโซนี อินเตอร์แอ็กทีฟมากว่า 18 ปี ดำรงตำแหน่งรองประธานฝ่ายการตลาดเกม ที่เขามีหน้าที่รับผิดชอบการพัฒนาแบรนด์เกมต่างๆ ของเพลย์สเตชัน สตูดิโอส์ให้กลายเป็นแฟรนไชส์ความบันเทิงระดับโลก
###