Aaron Taylor-Johnson
VILLAINS AREN’T BORN. THEY’RE MADE.
จากฮีโร่สู่จอมโหดที่ถูกโลกหล่อหลอม
เซอร์เกย์ คราวินอฟฟ์ / เครเว่น เมื่อสมัยที่เขายังเด็ก เขาถูกสิงโตโจมตีปางตาย เหตุการณ์ครั้งนั้นได้เปลี่ยนแปลงเขาให้กลายเป็นนักล่าเลือดเย็นที่มีสัญชาตญาณดุร้าย และพลังของสัตว์ป่า โชคชะตาทำให้เขาได้กลายเป็นคนโหดเหี้ยมเกินกว่าที่ใครจะจินตนาการ
ศัตรูที่เป็นมากกว่าแค่คนร้าย แต่มันคือสิ่งมีชีวิตที่พร้อมฆ่ากำจัดทุกคนที่ขวางทางอย่างน่าสะพรึง เครเว่นตกอยู่ในเกมการล่า จึงต้องใช้ความสามารถและทักษะนักล่าทั้งหมดที่มีเผชิญหน้ากับปริศนาอันซับซ้อนและศัตรูตัวฉกาจที่ซ่อนเร้นโดยมีชีวิตของครอบครัวและโลกอีกใบเป็นเดิมพัน
บัญชีล่ากำลังจะเริ่มต้น
Kraven the Hunter…เครเว่น เดอะ ฮันเตอร์
พุธที่ 25 ธันวาคมนี้ ทุกโรงภาพยนตร์
ข้อมูลงานสร้าง
Kraven the Hunter เป็นเรื่องราวเดี่ยวเรท R ที่อัดแน่นไปด้วยแอ็กชัน เกี่ยวกับต้นกำเนิดของหนึ่งในจอมวายร้ายที่โด่งดังที่สุดของมาร์เวล แอรอน เทย์เลอร์-จอห์นสัน รับบท เครเว่น ชายผู้ซึ่งความสัมพันธ์ซับซ้อนระหว่างเขากับนิโคไล คาวินอฟฟ์ (รัสเซล โครว์) พ่อผู้เป็นมาเฟียสุดอำมหิตของเขา ทำให้เขาเริ่มต้นเดินบนเส้นทางแห่งการชำระแค้นอันนำมาซึ่งผลลัพธ์ร้ายแรง และเป็นแรงจูงใจให้เขาไม่ใช่เป็นเพียงแค่นักล่าที่เก่งกาจที่สุดในโลก แต่เป็นหนึ่งในนักล่าที่ผู้คนเกรงกลัวที่สุดในโลกด้วยเช่นกัน
โคลัมเบีย พิคเจอร์ส ร่วมกับมาร์เวล ภูมิใจเสนอ ผลงานสร้างโดยอาวี อารัด/แมทท์ โทลมัค Kraven the Hunter ภาพยนตร์เรื่องนี้นำแสดงโดยแอรอน เทย์เลอร์-จอห์นสัน, อาเรียนา เดอโบส, เฟร็ด เฮชิงเกอร์, อเลสซานโดร นิโวลา, คริสโตเฟอร์ แอ็บบ็อทท์และรัสเซล โครว์ ภาพยนตร์เรื่องนี้กำกับโดยเจ.ซี. แชนเดอร์ ผู้อำนวยการสร้างของเรื่องได้แก่อาวี อารัด, แมทท์ โทลมัคและเดวิด เฮาส์โฮลเตอร์ บทภาพยนตร์โดยริชาร์ด เวงค์และอาร์ท มาร์คัม & แมทท์ ฮอลโลเวย์ ด้วยเรื่องราวโดยริชาร์ด เวงค์ ที่มีเค้าโครงจากการ์ตูนมาร์เวล
Kraven the Hunter ได้รับการจัดเรท R โดยสมาพันธ์ภาพยนตร์จากความรุนแรงนองเลือดและการใช้ภาษาหยาบคาย ภาพยนตร์เรื่องนี้จะเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ทั่วประเทศในวันที่ 25 ธันวาคม 2024
การล่าเริ่มต้นขึ้น
“Kraven the Hunter เป็นหนังแอ็กชันฟอร์มยักษ์ แต่โดยเนื้อแท้แล้ว มันก็ยังเป็นเรื่องราวมาเฟียรัสเซียแบบเก่าที่ดีงาม เรื่องราวเกี่ยวกับต้นกำเนิดของหนึ่งในวายร้ายที่เก่งกาจที่สุดเท่าที่เคยมีมาด้วยครับ” ผู้กำกับเจ.ซี. แชนเดอร์ ผู้ที่ก่อนหน้านี้เคยกำกับภาพยนตร์อย่าง A Most Violent Year, All Is Lost และ Margin Call อธิบาย “เหมือนกับเรื่องราวผู้ร้ายดีๆ เรื่องอื่นๆ มันมีราคาค่างวดที่ต้องจ่ายในตอนที่คุณพยายามจะใช้ทางลัดในการทำในสิ่งที่ถูกต้อง หรือคุณพยายามก้าวออกนอกกรอบของตัวตนที่คุณเป็น และก็เหมือนกับเรื่องราวมาเฟียมากมาย หนังเรื่องนี้ก็เป็นโศกนาฏกรรมครอบครัวครับ มีหลายสิ่งหลายอย่างในหนังเรื่องนี้ที่ผู้ชมจะเล็งเห็นมันในครอบครัวของพวกเขาเอง ซึ่งก็คือความซับซ้อนของความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับพ่อแม่ของคุณ กับพี่น้องของคุณ กับพี่น้องต่างพ่อหรือต่างแม่ของคุณน่ะครับ”
เมื่อเครเว่น ผู้มีชื่อดั้งเดิมโดยกำเนิดว่า เซอร์เก คราวินอฟฟ์ ได้เริ่มต้นเดินทางบนเส้นทางนองเลือดแห่งการชำระแค้นและทวงคืนความยุติธรรม เขาก็ค่อยๆ กลายเป็นผู้ร้ายทีละนิดๆ “เครเว่นเชื่อว่า เขาสามารถทำให้โลกนี้ดีกว่าเดิมด้วยการแหกหลักการพื้นฐานของสังคมและกฎดั้งเดิมของความเหมาะสมครับ” แชนเดอร์กล่าวต่อ “แต่เขาเชื่อว่าที่เขาทำไปก็เพื่อส่วนรวม เขาคิดอย่างนั้นจริงๆ ครับ”
แอรอน เทย์เลอร์-จอห์นสัน ผู้รับบท เครเว่น กล่าวว่า โศกนาฏกรรมของเรื่องราวของเครเว่นคือเขาไม่จำเป็นต้องเป็นผู้ร้าย เขาถูกหล่อหลอมมาโดย นิโคไล พ่อของเขา ที่รับบทโดยรัสเซล โครว์ ให้มีความเข้มแข็งที่จะสืบทอดธุรกิจของครอบครัวได้ และให้มีความรุนแรงและอำมหิตเหมือนกับพ่อของเขา สำหรับเทย์เลอร์-จอห์นสัน รากเหง้าของ Kraven the Hunter มาจากการตัดสินใจของเซอร์เกที่จะก้าวไปจากพันธนาการมรดกอาชญากรรมและความโหดเหี้ยมของครอบครัวเขา แต่แทนที่จะทำให้เขากลายเป็นผู้ช่วยเหลือ ท้ายที่สุดแล้ว การตัดสินใจนั้นกลับทำให้เขากลายเป็นอาชญากรในแบบที่น่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่าเดิมเสียอีก
เทย์เลอร์-จอห์นสัน อธิบายว่า หัวใจสำคัญของเรื่องอยู่ที่ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับน้องชาย ที่รับบทโดย เฟร็ด เฮชิงเกอร์ “ดมิทรี น้องชายของเซอร์เก ถูกกีดกันตั้งแต่เริ่มแรกว่าเป็นลูกคนที่ด้อยกว่า” เทย์เลอร์-จอห์นสันอธิบาย “ดมิทรีใช้ชีวิตอยู่ภายใต้การกระทำทารุณและการไม่ได้รับการยอมรับจากพ่อของเขามาโดยตลอด และเครเว่นก็ตัดสินใจว่าเขาทนมาเกินพอแล้ว เขาไม่สามารถทนรับการใช้อำนาจในทางที่ผิดของพ่อเขาได้อีกต่อไปแล้ว เขาจะเดินไปตามเส้นทางของตัวเองเพื่อทำในสิ่งที่ถูกต้อง เครเว่นสัญญากับน้องชายว่าจะปกป้องเขา”
“ท้ายที่สุดแล้ว สัญญานั้นกลับกลายเป็นความหายนะครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดของเขา” เทย์เลอร์-จอห์นสันกล่าวต่อ “เพราะแม้ว่าเขาจะบอกว่าเขาจะอยู่เคียงข้างน้อง แต่การกระทำเขากลับไม่เป็นไปตามนั้น การทอดทิ้งและการปล่อยมือจากดมิทรีทำให้เขาสูญเสียความไว้ใจของน้องชายและสะท้อนถึงทุกสิ่งที่เขาเกลียดชังเกี่ยวกับพ่อของตัวเองครับ”
ในการบอกเล่าเรื่องราวของเครเว่นในรูปแบบที่น่าเชื่อและน่าติดตาม แชนเดอร์รู้สึกว่าสิ่งสำคัญอยู่ที่การทำให้มันเป็นไปตามสัญชาตญาณและไร้สิ่งปรุงแต่ง “หนึ่งในโอกาสที่น่าทึ่งเกี่ยวกับการที่หนังเรื่องนี้กลายเป็นหนังเรท R ก็คือการเจาะลึกเข้าไปในต้นกำเนิดของเครเว่นครับ” เขากล่าว แชนเดอร์กล่าวว่า นั่นเป็นเรื่องสำคัญเพราะมันเป็นวิธีเดียวที่จะเล่าเรื่องราวการเดินทางของเครเว่นได้อย่างตรงไปตรงมา “คุณจะได้เห็นช่วงเวลาน่าเศร้าในตอนที่เซอร์เก ที่เต็มไปด้วยความคั่งแค้นและฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน ได้สังหารผู้ชายสองคนนี้ตอนยังเป็นวัยรุ่นอยู่ เขามีทางเลือก เขาสามารถเดินหันหลังให้กับเหตุการณ์นั้นได้ โดยที่อาจจะไม่มีใครรู้เลยก็ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ในชั่วขณะนั้น มันมีความกระหายเลือดบางอย่างที่เขาหลงใหล มีเหตุผลรองรับการกระทำของเขา ‘คนพวกนี้เป็นคนเลว ฉันก็แค่กำจัดพวกเขาให้หายไปจากโลกใบนี้ มันให้ความรู้สึกดีจริงๆ’ ความคั่งแค้นที่ไร้การควบคุมนั่นเองที่เป็นหัวใจของเรื่องราวนี้ ซึ่งคุณคงไม่สามารถจะเฉียดเข้าไปใกล้ประเด็นพวกนี้ได้เลยในหนังเรท PG-13 ครับ”
สำหรับเทย์เลอร์-จอห์นสัน การผสมผสานที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาระหว่างทักษะฝีมือและความคั่งแค้นที่รุนแรง ตามที่ปรากฏในภาพยนตร์เรื่องนี้ ทำให้เขามีความสมจริงและมีความโดดเด่นแตกต่างจากคนอื่นๆ “หนังเรื่องนี้ไม่เหมือนกับหนังซูเปอร์ฮีโรมาร์เวลเรื่องอื่นๆ เพราะเครเว่นไม่ใช่ซูเปอร์ฮีโรครับ” เทย์เลอร์-จอห์นสันกล่าว “เขาไม่ใช่เอเลียน ไม่ใช่สัตว์ประหลาด แต่เขาเป็นคนที่ถูกฝึกฝนมาให้เป็นนักล่าและนักฆ่าที่มีความเชี่ยวชาญครับ” และเมื่อเรื่องราวดำเนินไปข้างหน้า เครเว่นก็จะทำการตัดสินใจครั้งใหญ่ว่าเขาจะใช้ทักษะเหล่านั้นอย่างไร
ในการเล่าเรื่องราวของวายร้ายที่เป็นคนธรรมดาเดินดิน แชนเดอร์และทีมงานของเขาได้ใช้การถ่ายทำตามสถานที่จริงมากกว่าจะถ่ายทำในสภาพแวดล้อมที่เน้นหนักไปที่วิชวล เอฟเฟ็กต์ “เราถ่ายทำส่วนใหญ่ของหนังเรื่องนี้ในอังกฤษครับ” แชนเดอร์กล่าว “ดวงอาทิตย์ฉายแสง เนินเขาทอดตัวยาวสุดลูกหูลูกตา ทุกอย่างที่คุณเห็นในหนังเรื่องนี้เป็นของจริงครับ”
“มันทำให้หนังเรื่องนี้สมจริง” ผู้อำนวยการสร้างอาวี อารัดกล่าว “แอ็กชันและความรุนแรงทั้งหมดนี้เป็นไปในรูปแบบที่แตกต่างเพราะนี่เป็นโลกจริงๆ ครับ”
เทย์เลอร์-จอห์นสันพบว่าสถานที่ถ่ายทำจริงทำให้เขาสวมบทเครเว่นได้แนบเนียนยิ่งขึ้น “ซีเควนซ์แอ็กชันที่ดีที่สุดที่คุณจะได้เห็นคือภาพที่เครเว่นวิ่งเท้าเปล่าผ่านท้องถนนในกรุงลอนดอนครับ” เขากล่าว “เขาไม่แยแสกับเศษกระจกแตกที่ทิ่มแทงเท้าของเขา เขาเป็นสัตว์ตัวหนึ่ง เป็นสัตว์ร้ายที่ป่าเถื่อนครับ”
“ในฉากนี้ เครเว่นวิ่งไปตามแม่น้ำเธมส์ เพื่อไล่ตามกลุ่มคนที่ลักพาตัวน้องชายเขาไปอย่างสิ้นหวัง” ผู้อำนวยการสร้างแมทท์ โทลมัคกล่าวอธิบาย “เขาวิ่งไล่ตาม ปีนป่าย พยายามจะฉีกทำลายรถตู้ที่กำลังแล่นข้ามเมือง โดยมีน้องชายของเขาอยู่ในนั้น พวกเขากำลังมุ่งหน้าไปที่เฮลิคอปเตอร์ และเครเว่นก็ทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้เพื่อหยุดยั้งพวกเขาก่อนที่พวกเขาจะเอาเครื่องขึ้นน่ะครับ”
สิ่งที่ช่วยเติมเต็มภูมิประเทศในโลกแห่งความเป็นจริงให้สมบูรณ์คือกลุ่มตัวละครที่มีความซับซ้อนทางศีลธรรม รัสเซล โครว์รับบทนิโคไล ชายผู้เป็นต้นเหตุการณ์เดินทางบนเส้นทางสู่การเป็นผู้ร้ายของเครเว่น “นิโคไลเป็นคนที่ร่ำรวยมากๆ และลูกๆ ของเขาก็เติบโตมาพร้อมกับอภิสิทธิมากมาย” โครว์กล่าว “นอกจากนั้น เขายังเป็นผู้ตัดสินที่โหดเหี้ยมมากๆ อีกด้วย เขากดดันลูกๆ ของเขาอย่างมากเพราะเขาคาดหวังให้พวกเขาประสบความสำเร็จและยอดเยี่ยม พอพวกเขาโตขึ้นซักหน่อย มันก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่น่าสบายใจเลยในการที่พ่อของคุณเป็นคนที่เจ้ากี้เจ้าการและประสบความสำเร็จอย่างสูง แถมมีแนวโน้มชื่นชอบความรุนแรงอีกต่างหากครับ”
โครว์ ผู้รับบท ซุส ในภาพยนตร์มาร์เวลเรื่อง Thor: Love and Thunder ชื่นชอบโอกาสในการได้สำรวจแง่มุมที่มืดมนกว่าของจักรวาลมาร์เวล “หนังเรื่องนี้มีโทนที่มืดมนทีเดียวครับ” เขากล่าว “มันอาจจะกล่าวถึงแง่มุมต่างๆ ของความสัมพันธ์และอารมณ์ที่หนังสือการ์ตูนฮีโรเรื่องอื่นๆ ไม่ได้พูดถึง เพราะความมืดมนนั้นน่ะครับ”
นอกเหนือไปจากการฝึกฝนแล้ว เครเว่นยังได้รับความช่วยเหลือจากตัวละครที่คอการ์ตูนจะจดจำได้ในทันที นั่นคือคาลิปโซ ที่รับบทโดยอาเรียนา เดอโบส เธอกลายเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่เครเว่นเชื่อใจ “ความสัมพันธ์ระหว่างเครเว่นและคาลิปโซถูกทำให้มีความรู้สึกเหมือนสายฟ้าในขวดค่ะ” เดอโบสกล่าว “มันเป็นการพบกันทางจิตวิญญาณแห่งโชคชะตาระหว่างคนสองคน ที่ชะตากำหนดมาให้อยู่ในชีวิตของกันและกันค่ะ”
“คาลิปโซเป็นเหมือนสิ่งยึดเหนี่ยวให้กับโลกของเครเว่นครับ” เทย์เลอร์-จอห์นสันกล่าว “ตัวละครสองตัวนี้มีความผูกพันกันอย่างลึกซึ้ง เธอเป็นจิตวิญญาณ เธอมีญาณหยั่งรู้และสัญชาตญาณที่คอยนำทางเธอ และตัวเธอเองก็แสบไม่เบาด้วยครับ”
ระหว่างที่เธอช่วยเหลือเครเว่น คาลิปโซก็กำลังมองย้อนกลับไปยังประวัติศาสตร์ครอบครัวของตัวเธอเองด้วย “คาลิปโซกำลังสำรวจตัวตนของเธอ และส่วนหนึ่งในนั้นก็คือการล้วงลึกเข้าไปในรากเหง้าบรรพบุรุษของเธอค่ะ” เดอโบสกล่าว “ตลอดอาชีพนักแสดงของฉัน ฉันคุยถึงเรื่องการใช้เชื้อสายและมรดกตกทอดของคุณหลายครั้ง มันเป็นที่มาของความภาคภูมิใจ เป็นที่มาของความแข็งแกร่ง และมันก็เป็นสิ่งที่ทำให้คุณมีเอกลักษณ์โดดเด่นด้วยค่ะ”
ตัวละครจากหนังสือการ์ตูนอีกตัวหนึ่งที่กระโจนสู่จอเงินคืออเล็คเซ ซิทเซวิช ผู้กลายเป็น ไรโน อเลสซานโดร นิโวลา ผู้รับบท อเล็คเซ มองตัวละครตัวนี้ว่ามีจุดอ่อน เขาถูกขับเคลื่อนด้วยความไม่มั่นใจของเขา และเขาก็ถูกทำลายลงด้วยความโอหังของตัวเอง “เจ.ซี. ชื่นชอบแนวคิดที่ว่าตัวละครตัวนี้เป็นคนที่มีข้อบกพร่องอะไรบางอย่างและพยายามจะชดเชยสิ่งนั้นด้วยวิทยาศาสตร์น่ะครับ” นิโวลากล่าว “แต่มันกลับทำให้เขาทุกข์ทรมานมากกว่าเก่า มีความรู้สึกที่ว่าเขาติดกับดักสภาพทางกายของตัวเองและไม่สามารถหลบหนีได้ ซึ่งผมคิดว่าตรงกับแก่นแท้ของตัวละครตัวนี้มากๆ”
ท้ายที่สุด คริสโตเฟอร์ แอ็บบ็อทท์ รับบท มือสังหารลึกลับที่เป็นที่รู้จักในนาม เดอะ ฟอเรนจ์เนอร์ “ฟอเรนจ์เนอร์เป็นคนจำพวกที่มีพาสปอร์ต 9 เล่ม” แอ็บบ็อทท์กล่าว “เขาสนุกกับการเล่นกับคนอื่นๆ และในแง่หนึ่ง เขาก็หลงไปกับตัวตนที่หลากหลายของตัวเอง เขาสวมบทเป็นบุคคลต่างๆ มากมาย และเขาก็แทบจะไม่รู้แล้วว่าตัวเองเป็นใคร เขาเป็นคนเจ้าเสน่ห์นิดๆ เป็นตัวปล่อยมุขหน่อยๆ แต่ก็ยังอันตรายอยู่ดีครับ”
ในการถ่ายทอดธรรมชาติทางกายภาพที่ดิบเถื่อนของเครเว่นในตอนที่เขามีปฏิสัมพันธ์กับตัวละครและโลกรอบตัวเขา เทย์เลอร์-จอห์นสันได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับผู้ประสานงานฝ่ายสตันท์ของภาพยนตร์เรื่องนี้เพื่อทำให้ซีเควนซ์แอ็กชันทั้งหมดให้ความรู้สึกสมจริง ส่วนหนึ่งในนั้นคือการที่เทย์เลอร์-จอห์นสันได้ทำงานสตันท์ส่วนมากด้วยตัวเอง “ผมได้ฝึกฝนร่างกายและเพิ่มกล้ามเนื้อตัวเองเกือบ 35 ปอนด์ครับ” เขากล่าว “การแสดงสตันท์เองเป็นเรื่องสำคัญสำหรับผมจริงๆ เพราะมันเป็นส่วนหนึ่งของตัวละคร เป็นลักษณะที่เขาเคลื่อนไหว นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้คุณเห็นผมอยู่บนหลังรถบรรทุกหรือกระโดดลงจากตึก เหมือนทีมงานสตันท์คนอื่นๆ ผมอยากให้คนเชื่อและรู้ว่าเครเว่นมาจากทุกส่วนของผมครับ”