The Accountant 2 – ดิ แอคเคาท์แทนต์ 2 อัจฉริยะคนบัญชีเพชฌฆาต | 24 เมษายน 2025

0
594
“The Accountant 2
ดิ แอคเคาท์แทนต์ อัจฉริยะคนบัญชีเพชฌฆาต 2”
เข้าฉาย 24 เมษายนนี้ ในโรงภาพยนตร์รายละเอียดเพิ่มเติม | https://www.theaccountrant2-thai.com/#Accountant2
#ดิแอคเคาท์แทนต์ #อัจฉริยะคนบัญชีเพชฌฆาต2

  •  คริสเตียน วูล์ฟ (เบ็น แอฟเฟล็ค) มีความสามารถด้านการแก้ปัญหาที่ซับซ้อน เมื่อเกิดเหตุคนรู้จักมานานถูกฆาตกรรม ทิ้งปริศนาลับไว้บนแขนด้วยข้อความ “ตามหานักบัญชี” วูล์ฟจำเป็นต้องมีส่วนร่วมในการไขคดีนี้  สิ่งที่จำเป็นยิ่งกว่านั้นคือวูล์ฟต้องร่วมมือกับ แบรกซ์ (จอน เบิร์นธัล) พี่น้องของเขาที่ผิดใจกันอย่างรุนแรงเพื่อช่วยแก้ปัญหานี้ ในความร่วมมือกับรองผู้อำนวยการกองคลังแห่งสหรัฐฯ เมรี่เบธ เมดินา (ซินเธีย แอบดาอิ-โรบินสัน) พวกเขาได้เปิดโปงแผนการลับ จนกลายเป็นเป้าหมายกลุ่มนักฆ่าที่โหดเหี้ยม โดยพวกมันจะทำทุกทางเพื่อกุมความลับเอาไว้อย่างมิดชิด

    ภาพยนตร์เรื่อง The Accountant 2 เป็นผลงานต่อจากภาพยนตร์สุดฮิตปี 2016 เรื่อง The Accountant เป็นการกลับมารวมตัวกันของผู้กำกับฯ แกวิน โอ’คอนนอร์ ผู้เขียนบทฯ บิล ดูบูคิว ผู้อำนวยการสร้างฯ ไลเน็ตต์ โฮเวลล์ เทย์เลอร์ และมาร์ค วิลเลียมส์ นำแสดงโดยเบ็น แอฟเฟล็ค, จอน เบิร์นธัล, ซินเธีย แอบดาอิ-โรบินสัน และ เจ.เค. ซิมมอนส์ ภาพยนตร์ยังนำแสดงโดยแดเนีลลา พินาดา และ อัลลิสัน โรเบิร์ตสัน

    แอฟเฟล็คยังทำหน้าที่ผู้อำนวยการสร้างฯ เรื่อง The Accountant 2 อำนวยการสร้างบริหารฯ โดย โอ’คอนนอร์, สก็อตต์ ลาสเตติ, เจมี่ พาทริคอฟ, แม็ตต์ เดมอน, ไมเคิล โจ, เควิน ฮอลโลแรน, แดนี่ เบิร์นเฟลด์ และ อลิสัน วินเทอร์ 

    ทีมงานเบื้องหลัง ได้แก่ ผู้กำกับภาพ ซีมุส แม็คการ์วีย์ ผู้ออกแบบฉาก เจด ฮีลี่ ผู้ลำดับภาพ ริชาร์ด เพียร์สัน ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย ไอซิส มัสเซนเดน ดนตรีโดย ไบรซ์ เดสเนอร์

    Amazon MGM Studios นำเสนอภาพยนตร์ผลงานจาก Artists Equity Production, a 51 Entertainment/Zero Gravity Management Production, a Film Tribe Production, a Gavin O’Connor Film เรื่อง The Accountant 2 ภาพยนตร์จัดจำหน่ายต่างประเทศโดยวอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิกเจอร์ส เริ่มวันที่ 23 เมษายน 2025

    รายละเอียดการถ่ายทำ

    การกลับมารวมตัวกัน

    ปี 2016 ผู้ชมภาพยนตร์ได้รู้จักกับคริสเตียน วูล์ฟเป็นครั้งแรก ฮีโร่ม้ามืดที่มีความฉลาดและความกล้าในการต่อสู้ที่พบได้ยาก แกวิน โอ’คอนนอร์ ผู้กำกับฯ และผู้อำนวยการสร้างบริหารฯ ทั้งเรื่อง The Accountant และภาคต่อเล่าว่า “มันเป็นการย้อนกลับไปดูว่าคริสได้รับการเลี้ยงดูจากพ่อแบบไหน เขาเป็นทหารที่เข้มแข็งและคอยกังวลว่าโลกจะทำลายลูกชายตัวเล็กของเขา ฉะนั้นนอกจากความฉลาดด้านคณิตศาสตร์ที่เขามีอยู่ในตัวแล้ว คริสยังถูกหล่อหลอมให้เป็นทหารโดยที่ไม่เคยตกเป็นเหยื่ออีกด้วย”

    ตัวละครของคริสเตียน วูล์ฟคุ้นเคยกับผู้ชมเป็นอย่างดี เบ็น แอฟเฟล็คกลับมารับบทแสดงนำในเรื่อง The Accountant 2 เขายืนยันว่า “เวลาที่มีคนมาหาผมและพูดถึงหนังสักเรื่อง ผมสังเกตว่า The Accountant คือเรื่องที่เขาพูดถึงบ่อยกัน และบอกตามตรงว่าผมดีใจมาก มันเป็นโปรเจ็กต์ที่ผมภูมิใจเสมอ และเป็นเรื่องที่ผมคิดว่าอยากให้มีเรื่องราวกว้างขึ้น เมื่อมีโอกาสร่วมงานในเรื่อง The Accountant 2 ภายใต้ Artists Equity ผมพร้อมเดินหน้าอย่างเต็มตัว พร้อมดเวยเพื่อนร่วมงานของเราที่มีทั้งหน้าใหม่และผู้ที่กลับมาร่วมงานกัน เราสร้างภาพยนตร์ที่มีทั้งความเก่าแก่ มีแปลกใหม่ในโลกและตัวละครที่ยังสะท้อนภาพในอดีตอย่างชัดเจน”

    ผู้สร้างภาพยนตร์ต้องพบความท้าทายหลายเรื่องในการสร้างภาคต่อ รวมถึงเรื่องเวลาที่ผ่านเลยไปและความบาดหมางระหว่างคริสกับแบรกซ์ตันพี่น้องของเขาเอง ซึ่งในตอนท้ายของภาคแรกพวกเขากลับมาเจอกันอย่างคาดไม่ถึง และสัญญาว่าจะมาติดต่อกันอีกในสัปดาห์ต่อมา  “เราต้องแสดงให้เห็นว่าทำไมพี่น้องถึงไม่ได้เจอกันเป็นเวลา 8 ปี” โอ’คอนนอร์กล่าว “แต่เมื่อเราขยายภาพชีวิตของพวกเขาแต่ละคนออกมา เราเห็นภาพได้เลยว่าทำไมพวกเขาเดินแยกทางกันอีกครั้ง”

    ผู้เขียนบทฯ บิล ดูบูคิว เล่าเพิ่มว่า “การมอบหมายให้คริส.. ทำหน้าที่เป็นนักบัญชีขององค์กรที่มักจะไม่ค่อยถูกกฎหมาย จนทำให้เขาถูกส่งตัวไปอยู่มุมต่างๆ ของโลก การรักษาความสัมพันธ์ที่สมบูรณ์แบบจึงเป็นเรื่องยาก จากนั้นเราได้เห็นสิ่งที่แบรกซ์ทำเพื่อความอยู่รอด เขาเป็นนักฆ่าที่ได้รับการว่าจ้าง ต่างจากแบรกซ์ที่ขายประกันให้กับออฟฟิศหนึ่งในพีโอเรีย เขาทั้งคู่ต่างพัวพันกับโครงการที่มีความเสี่ยง มีการโทรศัพท์ถึงคนใกล้ชิดที่อาจดูไม่ใช่วิธีอันชาญฉลาดสำหรับพวกเขาเลย เมื่อเราเพิ่มรายละเอียดไปว่านั่นเป็นเพราะคริสเป็นคนที่มีความแตกต่างจากคนทั่วไป เขาไม่แสดงความรู้สึกแบบเดียวกับที่แบรกซ์แสดงออกมา… นั่นทำให้เกิดช่องว่างขึ้นมาด้วย”

    “มีบางคนไม่สะดวกใจกับความสัมพันธ์ที่เข้าถึงส่วนตัวเกินไป ด้วยการแสดงความรู้สึกออกมาให้เห็น และคริสเตียนคือหนึ่งในนั้น” แอฟเฟล็คกล่าว “ผมคิดว่ามันทำให้เขากังวล เพราะพี่น้องของเขาทำให้นึกถึงความเจ็บปวดในวัยเด็ก ระหว่างที่นึกภาพว่าเขาต้องการความสัมพันธ์นั้น การอยู่ใกล้แบรกซ์อาจเพิ่มความเครียดขึ้นได้ คริสเตียนชอบบงการและออกแบบ ชอบความเรียบง่ายและกิจวัตรเดิมๆ ส่วนพี่น้องของเขาจะตรงกันข้าม ซึ่งบางครั้งก็เป็นเรื่องดีสำหรับเขา ไม่ใช่ว่าคริสเตียนไม่รักพี่น้องของตัวเอง เขารักมาก แต่ผมคิดว่าเขาใช้โอกาสนี้กลับไปสานสัมพันธ์กับแบรกซ์เพราะเขาอยากทำแบบนั้น สิ่งสำคัญของหนังเรื่องนี้คือการกลับไปติดต่อและสานสัมพันธ์ขึ้นมา”

    จอน เบิร์นธัล ผู้กลับมารับบท แบรกซ์ตัน ได้เล่าว่า “การเข้าไปสำรวจเรื่องราวของพี่น้องคือสิ่งที่แกวินทำได้ดีในหนังของเขา และผมรักที่มันเป็นประเด็นสำคัญของเรื่องนี้ เนื้อเรื่องเจาะลึกเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของคริสและแบรกซ์ พวกเขามีกันอย่างไรและต้องการกันขนาดไหน นั่นคือสิ่งที่ผมอินกับมันมาก และผมคิดเสมอว่าแบรกซ์เป็นคนที่มีความซับซ้อนไม่ต่างจากพี่น้องของเขา ผมเลยดีใจมากที่พวกเขาเลือกจะเจาะลึกตัวละครนี้มากขึ้น”

    สิ่งที่ทำให้พี่น้องกลับมาติดต่อกันคือปริศนาการฆาตกรรมที่ดูจะเป็นเรื่องส่วนตัวสำหรับคริส จากนั้นนำไปสู่เรื่องอาชญากรรมที่มีความเสี่ยงจนยากจะเข้าถึง ผู้อำนวยการสร้างฯ ไลเน็ตต์ โฮเวลล์ เทย์เลอร์ เล่าว่า “เนื้เอเรื่องต้องต่างจากภาคแรก แต่ยังคงมีปริศนาซ่อนอยู่ มีความซับซ้อนระดับที่มีเพียงคริสเตียน วูล์ฟถอดรหัสได้โดยใช้ทักษะความสามารถของเขา”

    ดูบูคิวเล่าถึงตอนนั้นว่า “ผมอยู่ที่ไมอามี่และทำการหาข้อมูลโปรเจ็กต์อื่นอยู่ ผมนักอยู่กับนักสืบหลายคนที่คุยเรื่องการค้ามนุษย์และอพยพผู้เป็นเหยื่อการค้าอย่างไร ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องราวที่ลงตัวกับเวลาของหนังเรื่องนี้เลย”

    โอ’คอนนอร์รู้ว่าการโฟกัสที่เรื่องการค้ามนุษย์มีความท้าทายในตัวเอง “ผมอยากสร้างหนังที่สนุกและมีความบันเทิง แต่ไม่ใช่ความสนุกจากมุมมืดของระบบใต้ดินแบบนี้ ผมอยากสาดแสงสว่างให้กับเรื่องนี้และสร้างขึ้นอย่างถูกต้อง แต่มันเป็นเรื่องยากที่จะรับมือจริงๆ”

    เบิร์นธัลพาเจเรมี่ ล็อคให้มารู้จักกับผู้กำกับฯ เขาเป็นอดีต Green Beret ผู้ร่วมก่อตั้ง Aerial Recovery องค์กรที่ทุ่มเทแก้ปัญหาเรื่องภัยพิบัติของโลกและต่อสู้กับการค้าขายทางเพศ เบิร์นธัลเล่าว่า “ผมคุยกับเขาถึงภารกิจต่างๆ และสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อเราต้องเผชิญหน้ากับความน่ากลัวของผม ผมดีใจมากที่ความต้องการของแกวินตรงกับจุดนี้ และเขาพร้อมร่วมมือกับเจเรมี่ ให้เขามาทำหน้าที่ที่ปรึกษา”

    “แกวินมีความหลงใหลเกี่ยวกับเรื่องนั้นมาก” แอฟเฟล็คมาก “หนึ่งในเหตุผลที่ผมรักการทำงานร่วมกับเขา คือความทุ่มเทของเขาและการเชื่อมโยงระหว่างความจริงกับบรรยากาศที่อยู่รายล้อมรอบตัว ซึ่งนั่นคือการสร้างความควบคู่กันในโลกของเรื่อง The Accountant 2

    ซินเธีย แอดได-โรบินสัน กลับมารับบทแมรี่เบธ เมดินา เขาได้รับการแต่งตั้งให้รับหน้าที่รองผู้อำนวยการแห่ง  FinCen (Financial Crimes Enforcement Network) อดีตเคยทำหน้าที่โดย เรย์ คิง เจ้านายของเธอรับบทนี้อีกครั้งโดยเจ.เค. ซิมมอนส์ เธอเล่าว่า “สำหรับการสร้างเรื่องราวที่มีความซับซ้อน เราต้องมีบทที่ดีจากบิล ดูบูคิว จากนั้นทำให้ทุกอย่างเข้าใจได้ ผู้บริหารของเรา แกวิน โอ’คอนนอร์ ผมคิดว่ามันต้องเป็นหนึ่งในหนังเมื่อคุณเห็นภาพสุดท้าย คุณจะอยากไปดูอีกเพื่อหาบางอย่างที่พลาดไปจากรอบแรก”

    เรื่อง The Accountant 2 เปิดตัวในฉากโรงเหล้าเล็กๆ ที่เรย์ คิงนัดพบกับนักฆ่ารับจ้างที่รู้จักเพียงในนาม Anaĩs รับบทโดยแดเนียลลา พิเนดา คิงที่วางมือไปแล้วตอนนี้เป็นสายลับส่วนตัว เขาได้รับการว่าจ้างให้ติดตามผู้หญิงคนหนึ่งที่หายไป เธอชื่อ เอดิธ แซนเชซ เธอหายตัวไปพร้อมกับสามีและลูกชายหลังจากข้ามไปยังสหรัฐฯ จากเอล ซัลวาดอร์เมื่อ 8 ปีที่แล้ว เรย์ไม่รู้ตัวมาก่อนว่าการพบเจอกันของเขาไม่ใช่ความลับอย่างที่คิดไว้ เมื่อทีมติดอาวุธรับจ้างบุกมาถล่มที่บาร์ Anaĩs ต้องรีบหลบพร้อมเรย์เพื่อหนีจากมือปืน

    แต่ทำไมเรย์ถึงต้องต่อสู้กับผู้ร้ายที่ลอบฆ่าผู้หญิงที่หายไปนานหลายปีด้วย? ทำไมการหายตัวไปของคนธรรมดาถึงทำให้เรย์และ Anaĩs ต้องมาโคจรพบกันข้ามประเทศได้?

    มีการพบว่าเขาน่าจะเสียชีวิตแล้ว เรย์รู้ว่ามีเพียงคนเดียวที่จะต่อจิกซอว์นี้ด้วยกันได้ เขารีบเขียนข้อความลับบนแขน ในข้อความนั้นมีเพียง 3 คำ: ตามหานักบัญชี

    ทีมนักแสดง

     

    เมื่อคริสเตียน วูล์ฟเข้าเข้ามาในภาพ เขาอยู่ในช่วงที่กำลังอยู่ในการออกเดทอย่างรวดเร็วด้วยความตื่นเต้น สำหรับเบ็น แอฟเฟล็คคิดว่าการแสดงออกของตัวละครไม่เป็นอย่างที่เห็นนัก “ผมเชื่อว่าคริสรู้สึกเหงาอยู่บ้าง เขาอยากติดต่อกับมนุษย์ อยากมีความสัมพันธ์โรแมนติก แต่เขาไม่สบายใจนักกับสิ่งที่เป็นอยู่ แต่เขาก็กลัวที่จะลองซึ่งผมชอบตรงนั้น ผมคิดว่ามีความงดงามในคนที่รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องยาก แต่ก็ยังผลักดันตัวเองไปอยู่ตรงนั้นจนได้ เพราะในหนังเรื่องแรกผมต้องพัฒนาความสัมพันธ์กับคน ทำให้ผมได้ตกผลึกและทำความเข้าใจตัวละครนี้มากขึ้น ผมรู้สึกโชคดีมากและตื่นเต้นที่ได้มาอยู่ในภาคต่อ เพราะผมรู้สึกเข้าใจผู้ชายคนนี้มากขึ้นเมื่อเป็นครั้งที่ 2”

    ไลเน็ตต์ โฮเวลล์ เทย์เลอร์ เล่าว่า “คนเราไม่ได้ถูกกำหนดด้วยบุคลิกภาพของพวกเขาเพียงมุมเดียวหรือการตัดสินใด ซึ่งมันรวมถึงบางคนที่มีสมองต่างจากคนอื่นด้วย ทุกคนเติบโตและเปลี่ยนแปลงกันทั้งนั้น ผมคิดว่าเบ็นพร้อมกับแกวินและบิลมารวมตัวกันในเรื่องนี้ด้วยความเข้าใจสิ่งนั้นดี และตั้งใจถ่ายทอดตัวละครที่มีการพัฒนาออกมา”

    “สิ่งที่ผมรักในการแสดงของเบ็น” โอ’คอนนอร์แสดงความเห็น “คือรายละเอียดท่าทางเล็กๆ น้อยๆ ไม่จำเป็นต้องพยายามอะไรมากหรืออวดเกินตัว แค่แสดงทุกอย่างออกมาเงียบๆ จากใจ”

    ตอนที่แมรี่เล่าให้คริสเตียนฟังถึงการตายของเรย์ คิง “ผมคิดว่าเขาค่อนข้างสะเทือนใจ” แอฟเฟล็คกล่าว “เขาใช้เวลาหลายปีในการช่วยเรื่องงานของเรย์และผูกพันกับเขามาก เรย์พยายามสะกดรอยสิ่งที่เกิดขึ้นกับผู้หญิงคนนี้และครอบครัวของเธอ แต่ยิ่งเขาเข้าใกล้ พวกคนร้ายรู้ว่าเขามายุ่มย่ามจึงจัดการฆ่าเขา แต่เรย์รู้ดีว่าหากมีคริสเตียนมาจัดการ เขาจะสามารถไขคดีนี้ได้ การตายของเรย์จึงดูเกี่ยวข้องกับตัวเขา ทำให้คริสเตียนมีความรู้สึกที่ชัดเจนและสัมผัสได้ถึงการมีความรับผิดชอบ”

    มีบางสิ่งที่ดึงดูดคริสเตียนในคดีนี้ จากคำใบ้ที่เรย์ทิ้งเอาไว้ในภาพถ่ายครอบครัวของแซนเชซ มีเอดิธ สามีของเธอ จีโน่ และลูกชายของพวกเขา อัลเบอร์โต ซึ่งตอนนี้ควรมีอายุ 13 ปี แอฟเฟล็คอธิบายว่า  “คริสเตียนเห็นบางอย่างในรูปของเด็กคนนี้ แม้ว่าเขาจะไม่รู้จักก็ตาม เขาเห็นบางอย่างในรูปที่สื่อถึงเขา ทำไมคริสตั้งใจพุ่งไปที่เด็กคนนี้และยิ่งกระตุ้นเขามากขึ้น แม้ว่าจะดูไม่กระจ่างและยังมีข้อมูลไม่มากนัก”

    คริสเตียนและแมรี่เบธเริ่มร่วมมือกันเพื่อไขปริศนาการฆาตกรรมของเรย์ และมากไปกว่านั้นคือคลายคดีที่เขากำลังทำงานอยู่ ในการวางแผนลับนี้พวกเขารู้ว่าต้องอาศัยกำลังคนมากขึ้น แมรี่เบธแนะนำการติดต่อกับเอฟบีไอ ส่วนคริสมีไอเดียที่แตกต่าง

    ทำให้แบรกซ์ตันก้าวเข้ามา

    จอน เบิร์นธัลเล่าว่า “แบรกซ์จัดการทุกอย่างเองในเส้นทางอาชีพ และเขาทำอย่างจริงจัง อยู่ๆ เขาได้รับข้อความจากคริสว่า ‘ฉันต้องการความช่วยเหลือ’ มันเป็นครั้งแรกที่แบรกซ์ได้รับการติดต่อจากน้องชายในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เขาไม่เคยยอมรับกับตัวเองเลย แต่แบรกซ์เป็นคนที่โดดเดี่ยวมาก และคนเดียวที่ดูจะเข้าใจตัวตนที่แท้จริงของเขา และภาษาของเขาที่สื่อสารออกมาคือพี่ชายของเขา เมื่อคริสโทรมาจึงดูน่าผิดหวังมาก เพราะผมคิดว่าแบรกซ์ตอนเด็กจะคอยช่วยน้องชาย พาเขาออกมาจากสถานการณ์เลวร้าย และนี่เป็นอีกครั้งที่น้องชายของเขาโทรมาขอความช่วยเหลือ แต่แบรกซ์ทำสิ่งที่เขาต้องการเสมอ เขานั่งเครื่องบินไฟลท์ถัดมาเพื่อเจอพี่ชายโดยไม่ต้องมีข้อสงสัยเลย”

    “ผมรู้ว่าแบรกซ์ต้องมีส่วนร่วมมากกว่าภาคแรก” โอ’คอนนอร์กล่าว  “เขาแยกตัวออกจากสังคมมนุษย์เหมือนคริส มีความโดดเดี่ยวและโหยหาความรักเหมือนคริส… และมีความโหดเหี้ยมเหมือนคริส แต่ถึงแม้แบรกซ์จะทำเรื่องเลวร้าย ยังคงมีความปรารถนาดีที่จอนถ่ายทอดสู่ตัวละครเสมอ การแสดงของเขาในบทแบรกซ์ดูอ่อนแออย่างเลี่ยงไม่ได้เลย”

    แอฟเฟล็คเล่าต่อ “แบรกซ์มีบุคลิกชัดเจนเรื่องหัวร้อน ดูค่อนข้างเกเร ช่วยไม่ได้ที่เราหลงรักตัวละครนี้แม้ว่าเขาจะฆ่าคนเพื่อความอยู่รอดก็ตาม จอนมีพรสวรรค์สูงมากและฉลาด ทุ่มเทกับบทบาทนี้มาก รู้สึกดีทุกวันที่ได้ร่วมงานกับเขา”

    เบิร์นธัลเองก็กล่าวชื่นชม “เบ็นไม่ได้เป็นแค่นักแสดงที่ฉลาด เขายังเป็นคนใจดี มีความอ่อนโยน และมีไหวพริบสูงมาก ครั้งแรกเราไม่ต้องใช้เวลากับคนอื่นมากนัก แต่เราได้ใช้เวลาในเรื่องนี้และผูกพันกัน เรารู้สึกสบายใจและสนิทกันตั้งแต่แรกทั้งในหน้าจอและนอกจอ”

    แม้ว่าจะมีช่องว่างเรื่องเวลาและระยะทางระหว่างพวกเขา สิ่งที่ผูกพันระหว่างสองพี่น้องได้คือประเด็นสำคัญในเรื่องราว โอ’คอนนอร์เล่าว่าเคมีระหว่างเบ็นแอฟเฟล็คและเบิร์นธัลเห็นชัดเจนตั้งแต่ฉากแรกที่แสดงคู่กัน “ฉากแรกระหว่างพวกเขาเป็นการถ่ายทำ 2 รอบในโรงแรม พอเราจัดฉากเรียบร้อยผมพูดว่า ‘เรียบร้อยแล้ว’ ผมไม่ต้องบอกเล่าอะไรเพิ่มเลยเพราะเบ็นและจอนรู้จังหวะ และความราบรื่นนั้นดูมหัศจรรย์มาก ผมหวังอะไรแบบนั้นเสมอ แต่เราไม่มีทางรู้จนกว่ากล้องจะเริ่มถ่ายทำ พอผมได้เห็นอะไรแบบนั้นระหว่างทั้งคู่ ผมแทบไม่อยากเชื่อสิ่งที่เห็นเลย เป็นจังหวะที่น่าทึ่งมากเลย”

    แมรีเบธ เมดิน่ามีหลักศีลธรรมที่คริสเตียนทดสอบมาแล้วผ่านข้อมูล แต่มีการเพิ่มแบรกซ์ตันเข้ามาเพื่อเป็นส่วนผสมหลักสุดท้าย ซินธา แอดดาอิ-โรบินสัน เล่ารายละเอียดว่า “แมรีเบธมีความเป็นเรย์ คิงคนใหม่และรองผู้อำนวยการแห่ง FinCen เธอได้ข้อคิดจากจัสไทน์แห่ง Harbor Academy แบบเดียวกับที่เรย์ได้รับ และผมคิดว่านั่นคือการต่อสู้ระหว่างความต้องการประสบความสำเร็จของเธอในตำแหน่งหน้าที่ แต่มันไม่ง่ายนักที่เธอจะก้าวไปสู่จุดนั้น

    “เธอเป็นคนที่อยากทำตามกฎหมายทุกบรรัด” นักแสดงหญิงเล่าต่อ “เธอระมัดระวังเวลาอยู่ใกล้คริสเตียน แตรู้ว่าเขามีหลักการอย่างครบถ้วน เมื่อแบรกซ์เข้ามาอยู่ในภาพรวมนั้นด้วย เหมือนเธอจะไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่ คริสเตียนและแบรกซ์มักจะเดินไปจนถึงสุดขอบที่เธอตั้งใจแก้ไขคดีนี้ แต่เธอมีลิมิตของตัวเอง ในสายตาเธอเหรียญมี 2 ด้านเสมอ พวกเขาคือผู้ร้ายที่ใช้การกระทำผิดเพื่อหาคำตอบ ฉะนั้นการกล่าวว่าเธอไม่สบายใจกับสิ่งนั้นคงเป็นเรื่องที่ชัดเจนพอ ในบางมุมก็เป็นที่น่าสงสัย เธอจะยังคงทำงานกับพวกเขาได้หรือเธอจะลุยเดี่ยว? สิ่งที่เธอเป็นอยู่เหมือนน้ำกับน้ำมัน และมันก็สนุกดีที่ได้รับบทนั้นคู่กับเบ็นและจอน”

    “ซินเธียเป็นนักแสดงหญิงที่น่าเหลือเชื่อมาก” โอ’คอนนอร์กล่าว “เราใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการตามหาว่าแมรี่เบธอยู่ไหน และจิ๊กซอว์ของเธอจะลงล็อคตรงไหน จากนั้นเธอมารับบทนี้ ผมคิดว่าเธอสร้างความมหัศจรรย์ให้หนังได้เลย”

    แอฟเฟล็คออกความเห็นว่า “ผมรักตัวละครซินเธียที่สร้างขึ้นมา เธอมีความสนใจและจริงใจ รวมถึงรูปแบบการแสดง นั่นคือคนที่เราอยากเข้าฉากด้วย แมรี่เบธเป็นนางเอกที่สำคัญในหนัง มีความเครียดเกิดขึ้นระหว่างเธอกับการบังคับใช้กฎหมาย และหลักการของคริสเตียนกับแบรกซ์ สิ่งที่ผมชอบในหนังคือมันไม่ต้องมีการจดอะไร ไม่ต้องคิดเรื่องคำตอบทั่วไปว่าใครถูกหรือผิด”

    เบิร์นธัลสังเกตว่าแบรกซ์ไม่พอใจนักที่คริสดึงพวกเขาทั้งคู่สู่การสืบสวนกลาง “แบรกซ์เป็นคนใช้ชีวิตนอกกรอบ เขามีแนวทางยึดมั่นในแบบของตัวเอง เขาอยู่ที่นั่นด้วยเหตุผลเดียวคือพี่ชายของเขา แต่ทันใดนั้นกลับมีเจ้าหน้าที่รัฐ เขาไม่อยากยุ่งเกี่ยวอะไรกับเธอ เขาไม่ไว้ใจเธอ ไม่คิดจะทำความรู้จักเธอมากขึ้น พยายามผลักเธอออกไปตลอดเวลา ผมคิดว่านั่นคือจุดที่น่าสนใจ”

    การฆาตกรรม เรย์ คิง คือสิ่งเร่งปฏิกิริยาทุกเรื่องที่ตามมา เจ.เค. ซิมมอนส์ กลับมารับบทเดิมเล่าว่า “เรย์รีไทร์แล้วแต่ยังทำหน้าที่เป็นผู้สอบสวนลับ คุณพ่อของเอดิธ แซนเชซว่าจ้างเขา เพราะเขาอยากพบลูกสาวกับหลานของเขาอีกครั้ง อยากทำหน้าที่คุณตา ซึ่งเป็นเรื่องสะเทือนใจเรย์จนผลักดันให้เขามาไขคดีนี้เป็นพิเศษ เขาได้พบกับอนาอิสที่ดูเป็นคนเต็มไปด้วยความลึกลับ แต่เรย์รู้ว่ายังมีอะไรมากกว่านั้น

    แดเนียลลา พินาดา ผู้รับบทอนาอิส เล่าว่า “ครั้งแรกที่เราพบเธอ เธออยู่ในสถานการณ์ที่สุ่มเสียงมาก แต่ท่าทางของเธอดูผ่อนคลายสบายๆ มาก เหมือนเธอไม่สนใจอะไรบนโลกใบนี้เลย เราสามารถประเมิณได้เลยว่ามันจะออกมาเป็นแบบไหนบ้าง จากนั้นจะได้เห็นว่าเธอโหดเป็น เธอฆ่าคนและออกไปใช้ชีวิตปกติได้ ฉันคิดว่าคำว่า  ‘แสบ’ เหมาะกับสถานการณ์นั้นมาก หลายมุมฉันรู้สึกว่าตัวละครนี้มีความแสบอย่างแท้จริงเลยล่ะ” เธอยิ้ม “สิ่งหนึ่งที่โดดเด่นสำหรับฉันมากคือแม้ว่าเธอจะดูน่ากลัว แต่เราบอกได้ว่าเธอไม่ใช่คนเลวร้าย เธอไม่ใช่เครื่องจักรสังหาร เธอมีพลังอย่างมหาศาล และไม่ใช่ทุกคนจะเป็นแบบนั้น โดยเฉพาะผู้หญิงลาตินที่เป็นตัวแทนมุมนั้น”

    “ผมใช้เวลาไปกับการพยายามหานักแสดงที่เหมาะกับบทอนาอิส” โอ’คอนนอร์กล่าว “ดาเนียลลามีความลึกลับและความยากจะเข้าใจอยู่ในตัวเธอ ผมคิดว่าหากผมถ่ายทอดออกมาได้ มันคงจะสร้างความน่าสนใจให้บทนี้ได้มาก และทำให้เธอมีจุดหักมุมที่สร้างความตื่นเต้นให้ตัวละครตลอดทั้งเรื่อง”

    ตอนจบของเรื่อง The Accountant ผู้ชมได้รู้ว่า จัสติน คือเพื่อนวัยเด็กของคริสเตียนที่ “คอยดูแล” อย่างลับๆ คอยป้อนข้อมูลต่างๆ ความฉลาด และทำหน้าที่สื่อกลาง นอกจากนั้นยังติดต่อประสานงานกับเรย์ คิงและแมรี่เบธ เมดิน่าด้วย เธอคุยด้วยสำเนียงบริติช ซึ่งมีการแปลงโดยคอมพิวเตอร์ที่ทันสมัย อลิสัน โรเบิร์ตสัน ผู้รับบทจัสตินในภาคต่อเล่าว่า “คริสเตียนพาจัสตินไปทุกที่ เธอเหมือนผู้คุมกัน เธอคือแหล่งข้อมูลของเขา และคอยให้รายละเอียดๆ ต่างๆ กับเขา”

    ในเรื่อง The Accountant 2 เราพบว่าจัสตินไม่ได้ทำงานคนเดียว เธอเป็นผู้นำกลุ่มผู้พักอาศัยฮาร์เบอร์ที่มีพรสวรรค์เหมือนเธอ โรเบิร์ตสันอธิบายว่า “ฮาร์เบอร์อคาเดมี่คือที่พักพิงอันปลอดภัยสำหรับเด็กพิเศษที่ผ่านช่วงเวลาโหดร้ายที่โรงเรียนทั่วไป เป็นที่ฝึกฝนทักษะด้านคอมพิวเตอร์จนพวกเขากลายเป็นอัจฉริยะอย่างที่เห็น”

    เทย์เลอร์แบ่งปันว่า “ผมก็มีเด็กพิเศษและได้ผจญภัยไปพร้อมกับเธอ ตอนนี้ได้ผ่านโลกใบนั้นร่วมกับเด็กที่ทำให้รู้สึกเข้าใจเป็นพิเศษ พวกเขาไม่รู้ว่าทำไมสมองตัวเองต่างจากสมองเด็กคนอื่น มันเป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับแกวินและสำหรับผมในการนำเสนอตัวละครนั้นออกมาอย่างสมจริง”

    สำหรับหน้าที่ของจัสตินและทีมงานของเธอ ผู้สร้างภาพยนตร์ตั้งใจเลือกนักแสดงที่ดูมีปัญหาหรือมีภาวะสเป็กตรัม พื้นฐานนักแสดงที่ได้รับรางวัลต่างถูกแคสต์มาจากโปรแกรมลอสแองเจลิสท้องถิ่น “เราสร้างภารกิจนั้นขึ้นมา” เทย์เลอร์กล่าว “เพราะมันไม่ได้สำคัญแค่ความสมจริง แต่ยังรวมถึงการแคสติ้งนักแสดงที่สามารถถ่ายทอดประสบการณ์ส่วนตัวออกมาได้ในบทบาทด้วย”

    โอ’คอนนอร์เล่าว่า  “เรามีการค้นหานักแสดงเด็กอย่างพิถีพิถัน น่าดีใจที่ไม่มีเพียงเสียงตอบรับจากเด็กหลายคนมาออดิชั่น และอยากมีส่วนร่วมในหนังเรื่องนี้ แต่พวกเขายังเก่งเรื่อง ‘การแสดงที่ดูไม่เหมือนแสดง’ ด้วย พวกเขาไม่จำเป็นต้องแสดงอะไรเลย เหมือนใช้ชีวิตปกติธรรมดาและถ่ายทอดตัวเองออกมาในตัวละครนั้นอย่างจริงใจและดูสมจริง นับว่าเป็นความสุขอย่างหนึ่งที่ได้ร่วมงานกับพวกเขา”

    ผู้ที่ร่วมงานกับโรเบิร์ตสันในฉากฮาร์เบอร์คือเพรสลีย์ อเล็กซานเดอร์ ในบทเลน นิค ซานเชซ ในบทชาร์ลส คอร์วิน ไอร์แลนด์ ในบทไมล์ส เอเวอรี่ เทย์เลอร์ ในบทสกาย และ วินเซนต์ จัสคาเลียน ในบทไอแดน นอกจากนั้นยาเอล โอคาซิโอ ยังถูกมองว่าเป็นอัลเบอร์โต ซานเชซ ตอนอายุ 13 ขวบที่เป็นเด็กพิเศษด้วย

    ที่ปรึกษาด้านเด็กพิเศษ เอเลน ฮอลล์ เล่าว่านักแสดงต่างชื่นชมในบรรยากาศที่สร้างขึ้นมาบนฉาก “ความน่าทึ่งคือแกวินมีความใจดีและเคารพในนักแสดงพิเศษ ไม่ว่าจะมีคำถามเรื่องการแสดงฉากนั้นย่างไร จะรวมตัวพวกเขาอย่างไร และมอบไอเดียว่าพวกเขาควรแสดงบนนั้นและฉกานั้นอย่างไร แกวินทุ่มเทกับทุกอย่างเต็มที่ เคารพในการเล่าไอเดียต่างๆ และการมีส่วนร่วมในตัวละครของพวกเขา มันไม่ใช่แค่การมารวมตัวกัน แต่มันคือการร่วมมือกันอย่างแท้จริง”

    ดูบูคิวเล่าว่า “ผมคิดว่าเรามีคนเหล่านี้อยู่ที่ฮาร์เบอร์ และพวกเขาก็ฉลาดมาก พวกเขาอาจไม่แสดงออกอย่างที่ผมหรือคุณทำ แต่ความแตกต่างไม่ได้ทำให้แย่ลง ในหลายครั้งมันมีอะไรมากขึ้นด้วยซ้ำ”

    เบื้องหลังฉากต่างๆ

     

    เรื่อง The Accountant 2 เป็นการกลับมารวมตัวกันระหว่างโอ’คอนนอร์กับผู้กำกับกล้อง ซีมุส แม็คการ์วีย์ ที่เคยถ่ายทำผลงานแฟรนไชส์ภาคแรก แม็คการ์วีย์เล่าว่า “สไตล์การถ่ายทำภาคต่อค่อนข้างต่างกับภาคก่อนนิดหน่อย ในภาคนั้นจะมีความสมดุลและความแม่นยำในการจัดเฟรมและแสงไฟ สะท้อนถึงธรรมชาติของคริส ส่วนในภาคนี้เรามีวิชวลบางส่วนที่เหมือนเดิม แต่ต่างที่ฉากแอ็คชั่นที่จะโกลาหลขึ้น สร้างความตื่นเต้นให้การทำงาน”

    โดยรวมแล้วฉากแอ็คชั่นสำคัญคือการดวลปืนที่ถ่ายทำใน Bermite Facility ทั้งภายในและโดยรอบที่ซานตา คลาริต้า วัลเลย์ ทางตอนใต้ของแคลิฟอร์เนีย แทนฮัวเรซในทะลทรายเม็กซิกัน

    โอ’คอนนอร์เล่าว่า “ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในฮัวเรซคือการที่สองพี่น้องได้มาร่วมงานกัน นั่นคือสิ่งที่ผมพยายามย้ำตลอดเกี่ยวกับเบ็นและจอน เหตุผลที่ฉากแอ็คชั่นออกมาลงตัวเพราะเราอินไปกับคริส แบรกซ์ และภารกิจของพวกเขา พวกเขาร่วมมือกัน และสงสารเวลาที่มีใครมาขัดขวางพวกเขา” 

    “สิ่งสำคัญคือเรืองราวระหว่างทั้งคู่และการแชร์ภาษาของพวกเขา รวมถึงความผูกพันที่มีแต่เดิม” แอฟเฟล็คกล่าว “มันเข้าใจได้จากทางร่างกายและความรู้สึก สำหรับผม นั่นคือสิ่งที่น่าสนใจกว่าการพยายามหาคำตอบว่าใครเท่กว่ากัน”

    สำหรับการวางแผนและคำนวณในฉาก โอ’คอนนอร์ แอฟเฟล็ค และเบิร์นธัลต้องอาศัยความแม่นยำจากที่ปรึกษาด้านกลยุทธ์ ไทเลอร์ เกรย์ ทหารในกองทัพผู้มากประสบการณ์ที่รับใช้กองทัพเดลต้า แอฟเฟล็คยืนยันว่า “ไทเลอร์นำจอนกับผมสู้การฝึกซ้อม และคอยตอบคำถามพวกเราทุกเรื่อง สิ่งหนึ่งที่ได้เรียนรู้อย่างขัดแย้งกันคือความช้าคือความว่องไว มีความหมายว่าหากเราทำอะไรรอบคอบด้วยความใส่ใจ และเรียนรู้วิธีการทำอย่างดีซ้ำแล้วซ้ำเล่า มันจะเกิดความว่องไวและความแม่นยำระหว่างนั้น มันเรียกว่าหลักการเคลื่อนไหว และสำหรับผู้ที่มีการศึกษาเรื่องนี้จะรู้ว่ามันมีหลักการ มันทำให้เกิดความรู้สึกเครียดได้มากขึ้นเมื่อมันดูสมจริงขึ้น”

    เบิร์นธัลยังยกเครดิตให้กับผู้ควบคุมการแสดงผาดโผน เฟอร์นันโด “เฟิร์น” ฟูแนน เชียน ผู้มาควบคุมการแสดงผาดโผนในภาพยนตร์เป็นครั้งแรกด้วย “นี่เป็นฉากแอ็คชันที่ผมรักในการมีส่วนร่วม เพราะมันเหมือนนาฬิกาจับเวลาตลอด” เบิร์นธัลกล่าว “เฟิร์นเป็นหนึ่งในผู้ควบคุมการแสดงผาดโผนที่ผมชอบ เขามีทีมงานที่สร้างทุกอย่างให้ดูสมจริงได้มากที่สุด ทุกคนวางอีโก้ลงเพื่อสร้างความถูกต้อง เราเน้นที่ความปลอดภัยในฉาก แต่ต้องมีความดุเดือดซึ่งเราทำได้เสมอ เรายังมีแกวินคอยสอดส่องเราตลอดเวลา เพื่อให้แน่ใจว่าทุกอย่างดูไม่เป๊ะหรือเป็นการจัดท่าทางเกินไป ผมพร้อมจะร่วมงานกับคนเหล่านี้ตลอดเวลา พวกเขาคือครอบครัวสำหรับผม”

    ฉากแอ็คชั่นในเรื่อง The Accountant 2 ไม่ได้มีแค่ผู้ชายเท่านั้น แมรี่เบธและอนาอิสก็มีส่วนร่วมในการต่อสู้เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายและต้องใช้หมัดต่อสู้ โดยมีการฝึกซ้อมและเตรียมตัวนานหลายเดือนสำหรับแอดดาอิ-โรบินสัน และ พิเนดา เทย์เลอร์ยืนยันว่า “พวกเธอได้ร่วมค้นหาฉากต่อสู้อันดุเดือดจากมุมตัวละครของพวกเธอ อนาอิสมีความเป็นนักฆ่ามือโหด ส่วนแมรี่เบธไม่ใช่แบบนั้น การแสดงของเธอจึงไม่ดุเดือดมากนัก

    แอดดาอิ-โรบินสันเห็นด้วยว่า “ตอนนี้แมรี่เบธดูงดงามและมีความเป็นมืออาชีพแล้ว แต่เรารู้ว่าเธอโตมาอย่างยากลำบาก และเธอยังคงมีไหวพริบ หากมีใครทำร้ายเธอ เธอจะสู้กลับแน่นอน เธอมีสัญชาตญาณในการเอาตัวรอด แม้จะไม่บอกว่าพวกเขาลงตัวกันเป็นอย่างดี แมรี่เบธ เมดิน่าจะไม่ยอมอยู่เฉยโดยไม่สู้อย่างแน่นอน”

    นักแสดงหญิงผ่านการฝึกศิลปะการต่อสู้ที่เรียกว่ามวยไทย พิเนดาเล่าว่า “การฝึกซ้อมในเรื่องนี้เป็นเรื่องท้าทายมากแต่ก็ได้ผลลัพธ์ที่ดีจริงๆ ฉันผ่านศิลปะการต่อสู้แบบอื่นมาบ้าง และแสดงฉากผาดโผนต่อสู้มาเยอะ แต่ไม่มีอะไรเหมือนเรื่องนี้เลย ฉันเข้าใจแล้วว่าผู้หญิงคนนี้โหดขนาดไหน”

    “การแสดงฉากต่อสู้ต้องอาศัยความไว้วางใจระหว่างนักแสดงด้วยกัน” แอดดาอิ-โรบินสันกล่าวเสริมว่า “เราอยากให้มันดูมีการปล่อยหมัด ผู้ชมสัมผัสได้ถึงการตอบโต้จากภายนอก เราจะรู้ว่าแสดงออกไปอย่างแนบเนียนเหมาะกับเรื่องราว”

    ฉากต่างๆ ถ่ายทำกันที่โรงถ่าย 6 ใน L.A. Center Studios ผู้ออกแบบฉาก เจด ฮีลี่และแผนกออกแบบของเธอได้สร้างฉากภายในของบังกะโลที่เรย์ คิงเช่าพักอยู่ แมรี่เบธทำการเช่า ที่นั่นเธอกับคริสเตียนใช้สำหรับแกะรอยเบาะแสที่เรย์ทิ้งเอาไว้

    “มีการทำความเข้าใจว่าแกวินอยากถ่ายทำฉากต่อสู้และช่วงจังหวะที่สำคัญ ฉันต้องปรับฉากที่มีฉากแอ็คชั่นเกิดขึ้น เราอยากให้ภายในบ้านดูเก่าและใกล้พัง เพาะเรย์มีเงินเพียงน้อยนิด” ฮีลี่กล่าว เขาเล่าว่ารายละเอียดบนผนังคือสิ่งที่น่ากลัวมากที่สุดในการออกแบบฉาก “มีการสร้างความสมดุลอย่างดี เพราะเราไม่อยากให้อะไรโดดเด่นเกินไป มีผนัง 2 รูปแบบ แบบหนึ่งผลิตโดยแมรี่เบธ ส่วนอีกแบบหนึ่งมีการปรับโดยคริส ฉันต้องนึกภาพว่าความคิดของพวกเขาทำงานอย่างไร ต้องมีการร่วมมือกันสูงมาก”

    บรรยากาศภายใน Harbor Neuroscience Academy ถ่ายทำที่ Stimson House แห่งประวัติศาสตร์ ตั้งอยู่ใจกลางเมืองลอสแองเจลิส ฮีลี่เล่าว่า “สำหรับฉันบรรยากาศภายในลงตัวกับบรรยากาศภายนอกของภาคแรก ฉันได้แรงดึงดูดจากโทนของไม้ และมีบางอย่างที่รู้สึกคล้ายกันในแง่ความอบอุ่นจากภาคแรก”

    ฉากหนึ่งที่สำคัญในเรื่อง บรรยากาศภายในแอร์สตรีมของคริสเตียนที่สร้างขึ้นในโรงถ่าย 6 “แอร์สตรีมเป็นเอกลักษณ์ของคริส มันเหมือนสถานที่หลบภัย ผมพบความน่าสนใจที่มีคนพร้อมเรื่องเงินมาก แต่เราไม่มีทางรู้เพราะเขาใช้ชีวิตสมถะ  มันเป็นเพียงที่พักชั่วคราว ซึ่งสำคัญต่อการทำงานของเขา เมื่อใดที่เขาต้องการ เขาแค่เก็บของและเดินไปเลย”

    ฮีลี่เชื่อมั่นในรูปภาพของฉากต้นฉบับในการออกแบบแอร์สตรีม แต่พร้อมความเข้าใจว่า “เรามีอิสรภาพส่วนหนึ่ง เพราะเป็นเวลา 8 ปีผ่านมาแล้ว มันถึงจุดที่คริสอาจเปลี่ยนที่ซ่อนหรือม่าน และเตียงนอนก็มีความแตกต่าง เราใช้ผลงานศิลปะที่ต่างจากเดิมเพราะเขามักจะได้รับผลงานมาและขายไป แต่ส่วนใหญ่จะค่อนข้างเหมือนเดิม”

    ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย ไอซิส มัสเซนเดน ทำหน้าที่ดูแลเรื่องเวลาที่เปลี่ยนแปลงไปเพื่อออกแบบเสื้อผ้าให้นักแสดงที่กลับมาร่วมงาน  “เราเห็นพวกเขาในช่วงจังหวะชีวิตต่างกัน เช่น เรามีคริสเตียน วูล์ฟที่ก่อนหน้านั้นเขามีความเป็นนักบัญชีมากกว่านี้ แต่ในเรื่องนี้เขาแค่สวมเสื้อสูทครั้งเดียวช่วงแรกเร่ม จากนั้นมันเหมือนการเปิดโอกาสครั้งใหญ่ให้เรา การร่วมงานกับเบ็น แอฟเฟล็คเราจะดึงบางอย่างออกมา จากนั้นให้เขากับแกวินเลือกว่าคริส วูล์ฟ มนุษย์สมองพิเศษในโลกของเขาควรเป็นแบบไหน? เขามีเงินมากมาย ฉะนั้นเรื่องเงินไม่ใช่ประเด็น เขาต้องมีความสุขและมีประโยชน์ ไม่โดดเด่นจนเกินไป ไม่สำคัญว่าจะมากมายแค่ไหน แต่สำคัญที่มันต้องออกมาดี เราไม่สามารถออกไปไกลจากคอมฟอร์ทโซนของเขาได้ มันมีความละเอียดมาก เมื่อมารวมกันต้องไม่ดูแฟชั่นเกินไป”

    อีกมุมหนึ่งมันเซนเดนเล่าต่อว่า “แบรกซ์กลับตรงกันข้าม ครั้งแรกที่ผมได้พบกับจอน เขาส่งความเพอร์เฟ็กต์ของตัวละครนี้มาให้ผม เขาบอกผมว่าเวลาแบรกซ์ซื้อของ เขาจะเลือกแต่ร้านระดับหรู เขามองอย่างหนึ่ง เห็นอีกอย่างหนึ่ง และดูว่าอะไรแพงกว่ากัน เขาซื้อของเพราะอยากเติมเต็มความว่างเปล่า เขาอยู่ในโรงแรมที่หรูหราและเสื้อผ้ามีราคาแพง ทุกอย่างดูมีราคาไปซะหมด ไม่มีของถูกเลย แต่มันต้องดูดีด้วยเพราะนั่นคือแบรกซ์ และเขาแตกต่างกับพี่น้องอย่างสิ้นเชิง”

    มัสเซนเดนเล่าถึงอนาอิส “ต้องดูแข็งแกร่งและโดดเด่น ย้ำอีกครั้งว่าไม่เกี่ยวกับเรื่องเงินเลย เพราะนักสังหารทุกคนทำเงินได้มหาศาล” เธอหัวเราะ “เราให้เธอใส่พวกชุดหนังและกางเกงขาสั้น เราให้เธอสวมบูทเพื่อดูสูงขึ้น มัน่นใจขึ้น ส่วนอื่นแดเนียลเป็นคนจัดการ”

    เสื้อผ้าของแมรี่เบธสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงในตำแหน่งของเธอ “ตอนนี้เธอคือผู้นำและอยู่เหนือเกมตัวเอง” มัสเซนเดนกล่าว “ซินเธียมีท่าทางน่ารัก มารยาทดี ชุดที่ตัดขึ้นมารวมทุกอย่างที่เราต้องการ เราให้เธอสวมชุดสูทที่สวย ซึ่งเหมาะกับเธอเป็นอย่างดี”

    หลังจากปิดกล้อง โอ’คอนนอร์ได้กลับมาร่วมงานกับผู้ลำดับภาพ ริชาร์ดสัน เพียร์สัน ช่วงหลังการถ่ายทำเพื่อสร้างภาพยนตร์ให้สมบูรณ์แบบ การออกแบบสุดท้ายคือเรื่องเสียงดนตรีที่ประพันธ์โดยไบรซ์ เดสเนอร์

    ผู้กำกับฯ กล่าวสรุป “เรื่อง The Accountant 2 มีฉากแอ็คชั่นอัดแน่น ไม่ใชแค่เป็นหนังแอ็คชั่น แต่ยังมีดราม่า อารมณ์ขัน ความสนุก ความรัก และการหาความสัมพันธ์ของมนุษย์ สำหรับผมแล้วมันเช็คเครื่องหมายทุกข้อ หวังว่าคุณจะสัมผัสบางสิ่ง ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมพยายามสร้างเวลาทำหนังขึ้นมาเสมอ”

    #  #  #

     

ชมตัวอย่าง The Accountant 2 | Official Trailer (ซับไทย)

 #TheAccountant2 #ดิแอคเคาท์แทนต์2 #อัจฉริยะคนบัญชีเพชฌฆาต

Loading

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่